วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เสี่ยง = โอกาส !!







เสี่ยง = โอกาส !!


โดยปกติทีมที่เป็นแชมป์มักจะมีสถิติที่ดี ในปีนี้ Leicester City ได้แชมป์โดยที่ถ้าดูจำนวนประตูที่ยิงได้ หรือจำนวนประตูที่เสียไป ก็ไม่ได้พิเศษอะไร ไม่ได้ยิงประตูเยอะๆ เหมือนตอนที่ Man City ได้แชมป์ หรือเสียประตูน้อยสุดในลีกอย่างเวลาที่ Chelsea ได้แชมป์

แต่มันไม่ใช่แค่การยิง หรือเสียประตู สถิติต่างๆ ของ Leicester City ดูไม่ดีเท่าไร ถ้ามองจากมุมมองของนักวิเคราะห์บอลสมัยใหม่  นับตั้งแต่ประมาณกลางๆ ทศวรรษ 2000 การครอบครองบอลเป็นที่นิยมมากขึ้น ต่างจากการทีม Arsenal หรือ Man Utd ในยุคก่อนนั้นที่ชอบเล่นบอลเร็ว เพื่อรีบสร้างเกมรุก การครอบครองบอลกลายมาเป็นวิถีหลักในการควบคุมเกม และสร้างเกมรุก

เริ่มจาก Barcelona ในยุคของ Ronaldinho มาพีคสุดๆ ในช่วงที่ Barcelona และทีมชาติสเปนครองโลกด้วยการนำของ Xavi Hernandez และ Andres Iniesta นับตั้งแต่วันนั้นหลายคนหันมาเชื่อว่าการ “ครอบครองบอล” คือวิถีที่ดีที่สุดในการเล่นเกมรับ เพราะถ้าเรามีบอล เขาก็ยิงเราไม่ได้ และการสร้างเกมรุกที่ไม่เร่งรีบ ทำกันเน้นๆ จะสร้างโอกาสทำประตูที่มีคุณภาพมากกว่า เราถึงได้เห็นทีมอย่าง Arsenal หันมาเล่นบอลในรูปแบบนี้เช่นกัน

ที่สำคัญคือบริการเก็บสถิตินั้นถูกกระทบโดยความเชื่อของผู้คนในวงการเช่นกัน Squawka หนึ่งในบริการจัดเก็บสถิติชั้นนำของโลก เริ่มให้คะแนนผู้เล่นและทีมที่สามารถครอบครองบอลค่อนข้างสูง เพราะผู้เล่นที่ครอบครองบอลไว้ได้ดีถือว่าไม่สิ้นเปลื้อง ส่วนผู้เล่นที่เสียบอลบ่อยๆ ถูกตัดคะแนน โดยไม่สนว่าการเสียบอลแต่ละครั้งเป็นเพราะอะไร

ถ้าเราดู 10 อันดับของผู้เล่นใน Premier League ตามคะแนนของ Squawka เราจะไม่เห็นผู้เล่นของ Leicester เลยแม้แต่คนเดียว ผู้เล่นจากทีม Arsenal และ Spurs อันดับสองและสาม มีอยู่ถึง 7 ใน 10 ของ Top 10





ถ้าดูคะแนนของทีม Leicester ยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ เพราะคะแนนรวมอยู่ที่อันดับ 9 และคะแนนการครอบครองบอลอยู่ที่อันดับ 19 ร่วมกับทีมหนีตกชั้น!!! ในขณะที่ทีม Arsenal อยู่อันดับ 1 เพราะคะแนนการครองบอลสูงกว่าทีมอื่นมาก เพื่อให้เห็นความแตกต่าง ความแม่นยำในการจ่ายบอลของผู้เล่น Arsenal เฉลี่ยอยู่ที่ 85% ผู้เล่นที่จ่ายบอลแม่นที่สุดใน Leicester คือ N’Golo Kante ที่ 82% เท่านั้น 




จึงน่าถามว่าทำไมทีมที่คะแนนตามสถิติ ทั้งในระดับผู้เล่น และในระดับทีมโดยรวมแย่ขนาดนี้ ถึงได้แชมป์ลีก? ก่อนอื่นคุณว่ามันน่าสนใจไหมที่ การครองบอลถูกแยกออกมาเป็น 1 ใน 3 หมวดหมู่ใหญ่ในการวัดระดับทีม คู่กับ เกมรุกและ เกมรับอย่างที่บอกไว้ การครอบครองบอลเป็นสิ่งที่ผู้คนในวงการตีราคาไว้สูงมากในยุคนี้

แต่ถ้าเราดูวิถีการเล่นของ Leicester จริงๆ มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจ่ายบอลแย่รองท้าย พวกเขาแค่เป็นทีมที่เล่นบอล “เสี่ยงสูง” คือวิถีทำเกมรุกต่างจากทีมใหญ่ทั่วไป คือไม่เน้นการครองบอลเป็นหลัก แต่เน้นการ “สร้างโอกาส” ด้วยการเล่นบอลทะลุทะลวง การเล่นบอลประเภทนี้อาจมีโอกาสความสำเร็จต่ำ แต่ถ้าสำเร็จ จะนำไปสู่โอกาสในการทำประตูที่สูงตามด้วยเช่นกัน

ตัวอย่างที่ดีมากคือนัดที่ Leicester ชนะ Swansea 4-0 เมื่อวันที่ 24 เมษายน Swansea ในเกมนั้นครองบอลถึง 62% แต่มีโอกาสทำประตูแค่ 9 ครั้ง ต่อ Leicester 18 ครั้ง เราแทบไม่เคยเห็นเลยทีมอันดับ 1 ครองบอลแค่ 38% เมื่อเจอทีมที่ไม่ได้ลุ้นแชมป์กันเอง ในเกมนั้นไม่มี Jamie Vardy ด้วย Mahrez จึงต้องรับบทพระเอก ถ้าดูการจ่ายบอลของ Mahrez ในเกมนั้นจะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนมาก






จะเห็นได้ชัดว่าการจ่ายบอลไปข้างหน้าของ Mahrez นั้นเป็นการเน้นแทงบอลทะลุ มีการจ่ายบอลระยะยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษหลายครั้ง

นี่คือเหตุผลที่ทำให้ Leicester จากมุมมองสถิติในยุคนี้ดูเป็นทีมที่เล่นไม่ดี สถิติแย่ แต่นั้นเป็นเพราะ Leicester เป็นทีมเดียวที่ได้แชมป์ในลีกใหญ่ ในปีนี้ ที่เล่นบอลไม่เน้นการครองบอล

ต้องยอมรับว่าจนกว่าทีมใหญ่ๆ อย่าง Arsenal Real Madrid และ Bayern Munich หันมาเล่นบอลในรูปแบบนี้ การครองบอลจะยังคงเป็นสถิติที่ผู้คนให้ราคาต่อไป แต่ Leicester เป็นเครื่องช่วยเตือนความจำที่ดีว่าการครองบอลไม่ควรใช่เป้าหมายภายในตัวของมันเอง เพราะสุดท้ายแล้วทุกทีมต้องการบอลเพื่อยิงประตู ไม่ใช่เพื่อเก็บสถิติให้ได้ 60-70%

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ทำไมนักบอลไทย ไม่ไปค้าแข้งต่างแดน ?








ทำไมนักบอลไทย ไม่ไปค้าแข้งต่างแดน ?


สัปดาห์ที่ผ่านมาคงจะไม่มีข่าวไหนเกินไปกว่า “บิ๊กดีล” ข้ามฝากจากบุรีรัมย์ไปเมืองทองของ “เจ้าอุ้ม” ธีราธร บุญมาทัน อีกแล้วครับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะมีทีมจากสโมสรใน เจ ลีก ของญี่ปุ่น และ เค ลีก ของเกาหลีใต้ให้ความสนใจ แต่จนแล้วจนรอดก็มีการยืนยันจากผู้บริหารทีมบุรีรัมย์ได้ออกมาเปิดเผยว่ายังไม่มีทีมใดยื่นข้อเสนอเข้ามาอย่างจริงจัง สุดท้ายก็กลายเป็นเมืองทองที่คว้าตัวแบ็คซ้ายกัปตันทีมชาติไทยไปแบบเซอไพรส์พอสมควร

ส่วนตัวเชื่อว่าไม่เพียงแต่เฉพาะ ธีราธร เท่านั้น ยังมีนักฟุตบอลไทยอีกหลายคนที่มีฝีเท้าสามารถไปเล่นในลีกญี่ปุ่น หรือลีกระดับแนวหน้าของเอเชียได้ แต่อุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งที่ยังไม่มีผู้เล่นไทยไปค้าแข้งในระดับนั้นได้ก็คือ กฎของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (AFC) ที่ว่าด้วยโควตาการส่งผู้เล่นต่างชาติลงสนามได้ 3+1 (ผู้เล่นนอกทวีปเอเชีย 3 คน ในทวีปเอเชีย 1 คนและสามารถส่งรายชื่อได้ 5 คน)

เมื่อวิเคราะห์มาถึงประเด็นนี้หากเรามองในมุมของสโมสร ที่มีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวนผู้เล่นต่างชาติ การเลือกเซ็นสัญญาผู้เล่นในโควตานี้ จึงต้องเป็นผู้เล่นที่สามารถเป็นแกนหลักให้กับทีมได้เท่านั้น ที่สำคัญไม่เพียงแต่ในเฉพาะบ้านเราเท่านั้นที่ลีกฟุตบอลกำลัง “บูม” หากแต่ในทวีปเอเชียด้วยกันนั้นก็มีการทุ่มเงินอย่างมหาศาลที่จะสร้างทีมยิ่งกว่าบ้านเราเสียอีก โดยเฉพาะเมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง “จีน” ที่หันมาเอาจริงเอาจังกับลีกในประเทศ ทีมต่างๆยอมควักกระเป๋าซื้อผู้เล่นระดับโลกมาไว้ในครอบครอง ก็ยิ่งทำให้ตลาดเอเชียกลายเป็นแหล่งรายได้ของนักเตะและโค้ชที่ไม่แพ้ลีกอื่นๆในโลกอีกต่อไป ซึ่งผิดไปจากเมื่อก่อนที่นักเตะระดับโลกจะมาเล่นก็ต่อเมื่ออยู่ในวัยที่ใกล้จะเลิกรา กระนั้นก็ตามหากแม้ผู้เล่นไทยคิดจะไปเล่นในดิวิชั่นที่รองลงไป เมื่อมองลงไปถึงค่าเหนื่อยแล้วอาจจะพอๆกัน แถมยังต้องปรับตัวอีก อย่างนี้สู้เป็นตัวหลักเล่นในลีกสูงสุดในบ้านน่าจะดีกว่า

อีกข้อหนึ่งที่เป็นกำแพงสำหรับนักบอลไทยก็คือ เรายังไม่มีโอกาสไปโชว์ฝีเท้าในรายการแข่งขันระดับเมเจอร์เท่าที่ควร อย่าง ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ฟุตบอลโอลิมปิก ฟุตบอลเอเชี่ยน คัพ หรือแม้กระทั่งใน AFC แชมเปี้ยนลีก เราก็ยังไม่สามารถสร้างมาตรฐานที่ดีได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดของ ธีราธร เมื่อฤดูกาลก่อนเป็นที่จับตามองจากฟอร์มการเล่นที่ดีมากโดยเฉพาะจุดเด่นในเรื่องของ “ฟรีคิก”แต่ฤดูกาลนี้กลับไม่โดดเด่นเหมือนที่ผ่านมา ขออนุญาตเปรียบเทียบกับทีมวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่ได้มีโอกาสเล่นในรายการระดับโลก หรือระดับทวีปอยู่เสมอ เราจึงได้เห็นนักตบสาวไทยมีโอกาสไปโกยเงินสกุลอื่นเข้าประเทศยังไงล่ะครับ

เพราะฉะนั้นวันนี้เราคงต้องเริ่มจากภายในประเทศกันก่อนล่ะครับ แม้ลีกเราจะพัฒนาไปพอสมควร แต่ก็ยังต้องพัฒนาต่อไป ที่สำคัญในส่วนของทีมชาติเราต้องประสบความสำเร็จในรายการระดับโลกหรือทวีปให้ได้ วันนี้ทุกคนพร้อมให้การสนับสนุนโดยเฉพาะแฟนบอล ที่สำคัญทุกฝ่ายโดยเฉพาะฝ่ายบริหารและปฏิบัติการของทีมชาตินั้นมีเป้าหมายที่ชัดเจน เหลือแต่เพียงทำให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้เท่านั้น การวิเคราะห์ปัญหาที่ถูกจุด การเก็บข้อมูล และการบริหารจัดการเป็นเรื่องสำคัญ หากเราสามารถออกสู่ตลาดโลกได้ก็จะเป็น “วงจรที่สมบูรณ์” นั่นคือผู้เล่นที่ค้าแข้งต่างแดนจะช่วยยกระดับทีมชาติ และทีมชาติก็จะได้ไปเล่นรายการระดับโลกต่อเนื่อง เมื่อต่อเนื่องก็มีผู้เล่นไปค้าแข้งยังต่างแดน หากภาพที่ว่านี้เกิดขึ้นจริงๆ ผลประโยชน์ของสังคมและประเทศชาติจะตามมาอีกเยอะครับ.......

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

"เปาไทย" ต้องให้เวลา








เปาไทย” ต้องให้เวลา


ต้องยอมรับครับว่าในอดีตที่ผ่านมา “ผู้ตัดสิน” คือส่วนหนึ่งของปัญหาวงการฟุตบอลบ้านเรา บ่อยครั้งที่เห็นการประท้วงด้วยการ “วอร์คเอาท์” หรือกระทั่งร้ายแรงจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย เนื่องจากความไม่พอใจการทำหน้าที่ในสนาม

แต่ในยุคที่ขั้วอำนาจเปลี่ยนมาอยู่ในมือผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯชุดใหม่ ดูเหมือนปัญหานี้จะเป็นสิ่งแรกๆที่สมาคมตั้งใจจะปรับปรุงพัฒนา ให้มีมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็น และหากสมาคมฯเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับวงการ “เชิ้ตดำ” แล้วล่ะก็ เชื่อว่าทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้นอย่างแน่นอน

ด้วยความที่ลีกบ้านเราเติบโตอย่างก้าวกระโดด เราอาจพัฒนาในเรื่องคุณภาพของทีม คุณภาพของกองเชียร์ และการบริหารจัดการด้านอื่นๆ แต่ต้องเห็นใจวงการผู้ตัดสินที่อาจก้าวตามการพัฒนาเหล่านั้นไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นของทีมต่างๆมากมายในลีกภูมิภาค นั้นดูเหมือนจะสวนทางกับปริมาณผู้ตัดสินที่มีคุณภาพ การที่แค่มีกรรมการไปทำหน้าที่แต่ละนัดนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีถมไปแล้ว ฉะนั้นด้วยความใหม่ประสบการณ์ทั้งของทีมเอง ทั้งกองเชียร์ และผู้ตัดสินเลยทำให้เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง

แล้วจะทำอย่างไรถึงจะเพิ่มปริมาณผู้ตัดสินที่มีคุณภาพให้มากขึ้น เราต้องมองย้อนไปถึงเรื่องของ “ผลตอบแทน” ที่ผู้ตัดสินได้รับด้วยนะครับ ที่ผ่านมาบางคนมาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยจิตอาสาแลกด้วยค่าตอบแทนอันน้อยนิด แถมยังได้รับความไม่ปลอดภัยในชีวิตอีกต่างหาก ในขณะที่ผลตอบแทนของนักฟุตบอลและบุคลากรอื่นๆวันนี้ต้องบอกว่าสามารถยึดเป็นอาชีพได้อย่างสบาย ขณะที่กรรมการยังได้รับแค่ “เบี้ยเลี้ยง” เท่านั้น กำลังจะชี้ให้เห็นครับว่า หากในอนาคตเราสามารถพัฒนาไปถึงขั้น “ผู้ตัดสินอาชีพ” ให้เค้ามีรายได้ที่สามารถดูแลครอบครัวได้ เป็นอาชีพที่มีเกียรติและได้รับการยอมรับในสังคม แน่นอนต้องแลกด้วยการอยู่ในมาตรฐานทั้งสรรถภาพทางกาย และคุณภาพของการตัดสิน โดยมีระบบการประเมินอย่างมีคุณภาพ เชื่อว่าเราจะได้คนที่จะมาทำหน้าที่นี้เพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญทุกคนจะพยายามรักษาและพัฒนามาตรฐานการตัดสินของตัวเอง และคงไม่ยอมเอาความมั่นคงของอาชีพรวมถึงเกียรติและศักดิ์ศรีไปแลกกับ “อามิสสินจ้าง” เหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน 

กระนั้นก็ตามในฝากฝั่งของสโมสรและกองเชียร์ ต้องตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่งที่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรความผิดพลาดในการตัดสินนั้นย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า “เสน่ห์” ของฟุตบอล ตอนที่ผมได้มีโอกาสอบรมโค้ชใหม่ๆ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราได้รับการเรียนรู้เป็นเรื่องแรกๆเลยนะครับ จำได้ว่าตอนนั้นวิทยากรคือ “เปาอั๋น” อ.ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ ท่านได้บอกไว้ว่าในแต่ละเกมผู้ตัดสินมีโอกาสผิดพลาดได้ถึง 15-20% นั่นหมายความว่าในการเป่านกหวีด 10 ครั้งจะมีความผิดพลาด 2 ครั้ง ซึ่งอาจเป็นผลดีกับเราหรือคู่ต่อสู้ก็ได้ หากเข้าใจตรงนี้คิดว่าเราคงมีมุมมองที่ดีต่อผู้ตัดสินเพิ่มมากขึ้นนะครับ รวมไปถึงเจ้าของทีมทั้งหลายที่มักใช้วาทกรรมที่ว่า “ทีมลงทุนเป็นร้อยล้าน แล้วมาถูกผู้ตัดสินทำลาย” อยากให้มองย้อนกลับไปว่า ณ วันที่คุณตัดสินใจสร้างทีมเรื่องนี้คุณน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ความผิดพลาด(ในแง่สุจริต) ก็ไม่ต่างอะไรกับการยิงลูกโทษไม่เข้าครับ คุณลงทุนเป็นร้อยล้านเหมือนกันแต่จะฝากไว้แค่การเอาฟุตบอลไปซุกก้นตาข่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้นหรือก็คงจะไม่ใช่

และเท่าที่ผมมีโอกาสได้ไปดูเกมในสนามโดยเฉพาะในระดับไทยพรีเมียร์และ ดิวิชั่น 1 หลังๆนี่ต้องยอมรับครับว่าผู้ตัดสินตัดสินได้ดีขึ้นมาก อาจมีข้อผิดพลาดบ้างแต่พอรับได้ส่วนเรื่องเป่าเอียงนั้นไม่มีให้เห็นแล้วครับ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น เราคงต้องให้เวลากันอีกนิดนะครับโดยเฉพาะในลีกล่างๆเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อมองย้อนมาถึงวันนี้คงจะบอกได้ว่า เรามาได้ไกลกว่าเดิมมากจริงๆ..... 

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ถึงเวลา "บุญมาทัน"








ถึงเวลา “บุญมาทัน”


ดีลการย้ายช็อควงการของเจ้า “อุ้ม” ธีราธร บุญมาทัน ที่ข้ามฟากไปยังทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด นั้นอาจทำลายความรู้สึกของแฟนปราสาทสายสายฟ้าไม่ใช่น้อย แต่ถ้ามองว่ามันคือวิถีของ “ฟุตบอลอาชีพ” ก็คงพอจะทำใจยอมรับได้ ที่สำคัญเหตุการณ์แบบนี้จะอยู่ควบคู่กับฟุตบอลไปตลอด

หากแต่จะกล่าวถึงกรณีของธีราธร ก็ชวนให้น่าแปลกใจไม่น้อยว่าเพราะเหตุใดผู้เล่นที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์และกัปตันของทีม ถึงได้ตัดสินใจเก็บกระเป๋าย้ายรังไปซบทีมคู่แข่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ต่อให้ใครเอา 100 ล้านมากองหน้าสนาม ก็อย่าหวังจะได้กระชากตัวแบ็คซ้ายรายนี้ไปจากถิ่นเซาะกราว

ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นพร้อมกับผลงานทีมที่ต่ำลง แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับ “ทีมสปิริต” ของบุรีรัมย์ก็เริ่มมีปัญหา อย่างที่ผมเคยบอกไว้ครับว่าปัญหาของบุรีรัมย์นั้นไม่ใช่อยู่ที่ความสามารถของผู้เล่น หากแต่อยู่ที่วิธีการมากกว่า เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมานั้นทีมพึ่งพาความสามารถของผู้เล่นเป็นหลัก เมื่อศูนย์หน้าตัวความหวังอย่าง Diago เจ็บยาวก็ไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้เทียบเท่า  

จนหลังๆเราเห็นภาพที่พยามกระตุ้นให้ผู้เล่นบุรีรัมย์สู้กันจนชินตา ความเป็นจริงแล้วไม่มีนักฟุตบอลคนไหนไม่สู้หรอกครับ ทุกคนลงไปเล่นเต็มที่ทั้งนั้นแหละครับ แต่ประเด็นคือจะให้เค้าสู้แบบไหน ทำอย่างไร เพราะอะไรถึงให้ทำแบบนั้น นี่ต่างหากที่ผู้เล่นอยากได้ยิน ลำพังรายการลีกในประเทศอาศัยความสามารถเฉพาะตัวก็อาจเป็นแชมป์ได้ครับ แต่เมื่อออกไประดับเอเชียที่วัดกันด้วย กึ๋น และแทคติค  ทีมกลับไม่ประสบความสำเร็จ ก็เลยส่งผลถึงผลงานในลีกไปด้วยอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เมื่อผลงานไม่ดีทั้งที่ทุกคนทำเต็มที่ แรงกดดันก็ย่อมตกอยู่กับตัวหลักของทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเป็นกัปตันทีมด้วยยิ่งต้องแบกรับมากกว่าใครเพื่อนเป็นเท่าทวีคูณ ส่วนตัวคิดว่านี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญ บวกกับปัญหาภายในที่เราได้ยินข่าวมาเป็นระยะจนนำมาซึ่งการขึ้นป้าย SALE ในที่สุด

กระนั้นก็ตามค่าตัวในการย้ายครั้งนี้ไม่น่าจะสูงอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะคนขายอยากขาย แต่คนซื้ออาจไม่ได้ต้องการอยากซื้อมาก่อน ถึงอย่างไรก็คงมีไม่กี่ทีมที่จะสามารถแบกรับค่าเหนื่อยผู้เล่นระดับนี้ได้ และหนึ่งในนั้นก็คือเมืองทองฯ ซึ่งก็น่าจะเป็นดีลคุ้มค่ามากเพราะเจ้าตัวเพิ่งอายุ 26 ปี อายุการใช้งานเหลืออีกนาน งานนี้หวยก็เลยไปออกที่ “เจ้าบาส” พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา เจ้าของสัมปทานแบ็คซ้ายคนปัจจุบันที่เจ้าตัวเคยเสียตำแหน่งให้กับอดีตกัปตันบุรีรัมย์ไปแล้วในทีมชาติ เราคงได้เห็นการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกันอย่างดุเดือด เพราะฟอร์มของเจ้าบาสเองก็คงเส้นคงว่าและดีวันดีคืน ลำบากใจแทน “โค้ชแบน” เลยครับ

สุดท้ายเหตุการณ์ของเจ้าอุ้มเป็นแค่เพียงกรณีศึกษาตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ของปัญหาความเข้าใจในการทำทีมฟุตบอล ซึ่งต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ เพราะฟุตบอลไม่ใช่แค่การเอาแค่คนเก่งๆมาอยู่ในทีมแล้วจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่การเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ต่างหากที่จะทำให้ทีมผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้......

ขอบคุณภาพจาก Spersub Thailand






วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

"วินัย" ก่อให้เกิด "ทีมสปิริต"








วินัย” ก่อให้เกิด “ทีมสปิริต”


ฟุตบอลคือกีฬาที่เล่นกันเป็นทีม ผลของการแข่งขันไม่ว่าจะแพ้หรือชนะในแต่ละนัดนั้นไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นผลงานร่วมกันของสมาชิกในทีมทุกคน 

แต่การที่จะได้มาซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้น ต้องเริ่มมาจากความเท่าเทียมกันก่อนนะครับ ในที่นี้หมายถึงผู้เล่นทุกคนต้องอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ซ้อม ซ้อมด้วยกัน เหนื่อย เหนื่อยด้วยกัน และอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ปฏิบัติอย่างเสมอภาคกัน เริ่มซ้อมพร้อมกัน เลิกก็ต้องเลิกพร้อมกัน ไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น ต่อให้ให้เป็นผู้เล่น “ตัวเก่ง” ของทีมก็ตาม 

การที่ผู้เล่นทุกคนอยู่ในระเบียบวินัยอันเดียวกันนั้น จะส่งผลถึงการเล่นในสนามด้วยนะครับ โดยเฉพาะในทีมที่โค้ชทำทีมอย่างมีระบบ หากมีผู้เล่นคนใดคนหนึ่งเกิดแหกระบบที่โค้ชได้วางเอาไว้ นั่นหมายถึงแผนการที่วางเอาไว้ก็จะไม่เป็นไปตามนั้น และย่อมส่งผลต่อตำแหน่งอื่นๆและรูปเกมด้วยแน่นอน ผู้เล่นแบบนี้แหละครับที่เรียกว่าเล่น “ไม่เข้าระบบ” ตัวอย่างในระดับโลกก็มีให้เห็น อย่างครั้งหนึ่งที่ ดาวิด ชิโนล่า ถูกปฏิเสธเรียกตัวเข้าสู่ทีมชาติฝรั่งเศส ด้วยเหตุผลที่เล่นไม่เข้าระบบ หรือแม้แต่ พอล แกสคอยน์ เองก็เคยโดนมาแล้วเหมือนกัน

ผู้เล่นที่เป็น "ซุปเปอร์สตาร์" ตัวจริงนั้น มักจะเป็นผู้เล่นที่มีระเบียบวินัยสูงมาก ทั้งระเบียบวินัยในทีมและวินัยในตัวเอง หาใช่แค่การมีความสามารถสูงแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ยังต้องได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมและโค้ชด้วย ขณะเดียวกันตัวเองก็ให้ความเคารพต่อเพื่อนร่วมทีมและโค้ชด้วยเช่นกัน

เมื่อไรก็ตามที่ “วินัย” ของทีมนั้นหย่อนยานประเภท คนซ้อมไม่ได้ลง คนลงไม่ได้ซ้อม บรรยากาศในทีมก็จะเสียไปทันที ผมเห็นทีมพังเพราะเหตุนี้มานักต่อนัก ในทางตรงข้ามหาก “วินัย” ของทีมเคร่งครัด การแข่งขันของผู้เล่นในทีมนั้นก็จะสูงตามไปด้วยเช่นกัน เพราะทุกคนย่อมได้รับโอกาสเหมือนๆกัน ขึ้นอยู่กับว่า ณ ตอนนั้นใครดีกว่า สุดท้าย “เป้าหมาย” ของทีมก็จะเกิด ทุกคนจะมุ่งไปสู่ความสำเร็จอันเดียวกันและนั่นคือที่มาของ “ทีมสปิริต” เหมือนอย่างที่วันนี้ทีมเล็กๆที่เปี่ยมไปด้วย “สปิริต” ได้ก้าวไปเป็นแชมป์ในลีกอังกฤษทำให้เห็นกันแล้วยังไงล่ะครับ

Late Cross








6 วิธีการสร้าง Combination of Play ในการเข้าทำประตู (6.2)


Crossing (Late Cross)

ยุทธวิธีการเข้าทำประตูด้วยวิธีการนี้เป็นการโจมตีจากด้านข้าง ผู้ที่ผ่านบอลต้องมีความแม่นยำในการผ่านบอลเข้าไปยังจุดหน้าประตู แต่ที่สำคัญคือตำแหน่งของกองหน้าจะเข้าทำประตูต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและต้องครอบคลุมทั้ง เสาหนึ่ง หากผ่านบอลเลยไปก็ต้องมีผู้เล่นที่เสาสอง และพื้นที่หน้ากรอบกะโหลก ผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางจะต้องขึ้นไปประคอง กองหลังก็ต้องกล้าที่จะสนับสนุน และเก็บพื้นที่ให้สมบูรณ์นั่นเอง

ความเข้าใจและสัญชาตญาณย่อมเกิดจากการฝึกซ้อมเสมอ


วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Don’t Delay Play








Don’t Delay Play……….ไม่เจ็บอย่าอู้


ถึงแม้เกมฟุตบอลจะต้องอาศัยกลยุทธ์และยุทธวิธีต่างๆในการเอาชนะซึ่งกันและกัน หากแต่การใช้แทคติคการ “ถ่วงเวลา” ด้วยการแกล้งเจ็บนั้น ไม่ใช่วิสัยของการเป็น “มืออาชีพ”

แฟนบอลที่เข้าสนาม ทุกคนล้วนต่างก็เสียค่าตั๋วมาเพื่อชมเกมที่สนุกสนาน และต้องการความตื่นเต้นเร้าใจหาใช่มาดูนักฟุตบอลนอนเพื่อถ่วงเวลาไม่ คุณๆลองสังเกตให้ดีนะครับจะเห็นว่า ในเกมการแข่งขันของลีกใหญ่ๆทั้งหลาย หากผู้เล่นไม่เจ็บจริงหรือพอจะทำการเล่นต่อไปได้ผู้เล่นเหล่านั้นจะไม่ยอมนอนเพื่อเรียกแพทย์ประจำทีมให้เข้ามาทำการปฐมพยาบาลและนั่นคือ “สปิริต” ของการเป็นนักกีฬาอาชีพอย่างแท้จริง กระทั่งในระดับไทยพรีเมียร์ลีกของเราก็มีการพัฒนาเรื่องนี้ขึ้นเป็นอย่างมาก จนแทบไม่เห็นการอู้เพื่อการถ่วงเวลาซักเท่าไร ซึ่งต้องขอชื่นชมมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

อย่างไรก็ตามเรายังคงเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นอยู่ในการแข่งขันของลีกระดับล่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับภูมิภาค จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อนักฟุตบอลแกล้งเจ็บเพื่อถ่วงเวลา? โดยปกติเมื่อเกิดการบาดเจ็บกรรมการจะอนุญาตให้แพทย์ประจำทีมเข้าไปทำการปฐมพยาบาล และเมื่อแพทย์ไปถึงแล้วพบว่าผู้เล่นไม่เจ็บจริง หากครั้งต่อไปมีเหตุการณ์เหมือนว่าได้รับบาดเจ็บอีก แพทย์อาจไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปทำการปฐมพยาบาล แล้วเกิดว่าผู้เล่นเจ็บจริงและร้ายแรง เวลาที่ช้าไปเพียงชั่ววินาทีก็อาจพบความความสูญเสียที่ไม่คาดฝันก็เป็นได้

คุณๆยังจำเหตุการณ์ที่ มาร์ค วิเวียน โฟเอ้ ผู้เล่นทีมชาติแคเมอรูนเสียชีวิตคาสนามในศึก FIFA Confederations Cup 2003 ได้หรือไม่ครับ?(น้องๆรุ่นหลังลองไปหาคลิปดู) แม้เหตุการณ์ในครั้งนั้นทีมแพทย์จะเข้าไปทำการปฐมพยาบาลอย่างเร็วที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่อาจยื้อชีวิตของ โฟเอ้ เอาไว้ได้ นั่นจึงเป็นอุทาหรณ์อย่างดีว่าอุบัติเหตุและเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาในสนามฟุตบอล

วันนี้เราในฐานะแฟนบอลหรือบางคนอาจเป็นผู้ฝึกสอน ได้โปรดอย่าให้การสนับสนุนพฤติกรรมเหล่านี้โดยเฉพาะกับทีมและผู้เล่นที่กำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นสโมสรระดับอาชีพ เรามาช่วยกันยกระดับกันนะครับ แพ้ชนะเป็นเรื่องของเกมกีฬา แต่ “สปิริต” ต้องมาก่อนเสมอ...

  

วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เพราะรักแล้ว รักเลย







เพราะรักแล้ว รักเลย


เหตุใดทั้งๆที่ฤดูกาลนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ไปเตะยูฟ่าแชมเปี้ยน ลีกด้วยซ้ำ แต่เงินค่าโฆษณาที่ได้รับจากสปอนเซอร์ของแมนยูฯกลับมากกว่า เมื่อเทียบกับทีมที่ได้ไปเล่นถ้วยนี้อยู่เป็นประจำทุกปีอย่างอาร์เซนอล ?

นั่นเป็นเพราะความภักดีของแฟนบอลที่ปาวารนาตัวเป็นสาวกของทีมไปแล้ว ว่ากันว่าสิ่งที่คนเรามีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ยาก เช่น เพศ ศาสนา หรือกระทั่งแฟน นั้นกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลย เมื่อเทียบกับการที่จะให้แฟนบอลทีมใดทีมหนึ่งเปลี่ยนใจไปจากทีมที่ตัวเองรัก จึงไม่น่าแปลกใจที่ทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีฐานแฟนบอลทั่วโลกมากกว่าทีมใดๆในเกาะอังกฤษด้วยกัน จึงได้รับความสนใจจากเหล่าบรรดาสปอนเซอร์ต่างๆมากกว่า เพราะไม่ว่าจะอย่างไร แม้ทีมผลงานจะย่ำแย่ขนาดได้ แต่แฟนบอลก็ยังคงเชียร์อยู่เช่นเดิม หากคุณเป็นสปอนเซอร์อยู่อย่างไรเสียการรับรู้ในแบรนด์สินค้าก็ยังสูงอยู่เช่นเดิม

แม้แต่ในบ้านเราก็ไม่ต่างกัน แฟนเมืองทอง แฟนบุรีรัมย์ หรือกระทั่งทีมในลีกล่างอย่าง ดิวิชั่น 2 เองก็มี Loyalty ต่อทีมตัวเองไม่แพ้กัน และด้วยความที่ฟุตบอลนั้นเข้าได้กับทุกธุรกิจ เราจึงเห็นเหล่าบรรดาแบรนด์ธุรกิจตบเท้าเข้าให้การสนับสนุนทีมต่างๆ มากบ้างน้อยบ้างตามขนาดของฐานแฟนบอลของแต่ละทีม และเงินที่ได้รับจากสปอนเซอร์เหล่านั้นสโมสรก็จะสามารถนำไปปรับปรุงพัฒนาคุณภาพของทีม เช่น นำไปซื้อนักเตะฝีเท้าดีๆ จ้างโค้ชที่มีคุณภาพ หรือแม้กระทั่งสามารถสร้างสนามใหม่ขยายความจุแฟนบอลก็มีให้เห็นมาแล้ว

หรือหากมองไปที่ภาพรวม การเติบโตของฟุตบอลอาชีพในบ้านเรา นั้นส่งผลให้แบรนด์ใหญ่ๆ มามีส่วนร่วมสนับสนุนเป็นชื่อรายการแข่งขันอย่าง TOYOTA THAILEAGUE ซึ่งตัวธุรกิจเองก็ได้สร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ที่ดีคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไป หรือรายการแข่งขันระดับเยาวชนที่เป็นตำนานในบ้านเรา อย่าง “โค้กคัพ” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม นักฟุตบอลที่ก้าวขึ้นสู่ระดับสโมสรล้วนต้องผ่านรายการ “โค้กคัพ” แทบทั้งสิ้น

แม้ที่ผ่านฟุตบอลไทยจะโตแบบก้าวกระโดดก็ตาม แต่ก็เชื่อได้ว่ายังจะโตต่อไปได้อีก เราคงได้เห็นอะไรดีๆที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลไทยอีกแน่นอน ว่าแต่คุณๆล่ะครับ มีทีมที่ตัวเองรักหรือยัง? หากยังไม่มีลองมองหาซักทีม ลองเข้าไปเชียร์ลองสนับสนุนทีมนั้นดู แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะครับว่า หากคุณรักแล้วรับรองคุณจะถอนตัวไม่ขึ้นจริงๆ


วันศุกร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2559

Crossing (Early Cross)







6 วิธีการสร้าง Combination of Play ในการเข้าทำประตู (6.1)


Crossing (Early Cross)

พื้นที่ด้านข้างของสนามนั้นเราเรียกว่า “พื้นที่ของการโจมตี” การใช้วิธีโจมตีแบบนี้ต้องอาศัยความแม่นยำของผู้เล่นคนที่ผ่านบอล และทักษะของคนรับบอลก็สำคัญไม่แพ้กัน Early Cross นั้นจะเป็นการผ่านบอลจากระยะที่ค่อนข้างไกล และเป้าหมายอยู่ที่พื้นที่หลังแนวรับของคู่ต่อสู้ ในสถานการณ์แบบนี้ กองหน้าต้องพยายามเอาชนะกองหลังให้ได้ และ Position ก็ยังเป็นสิ่งที่อยู่ในจังหวะที่เหมาะสม หลายครั้งที่เราเห็นการทำประตูในลักษณะนี้ แล้วเราก็มักจะชื่นชมว่าเป็น “สัญชาตญาณ” ซึ่งกองหน้าจะต้อง “เสี่ยง” อย่างเดียวเท่านั้นที่จะทำประตู แต่ด้วยความเป็นจริง สัญชาตญาณที่ว่านั้นเกิดจากการ “ฝึกซ้อม” ต่างหากล่ะ

ฟุตบอลคือการนัดแนะ ไม่มีคำว่าบังเอิญครับ


วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

นัดนี้ชี้ชะตา







นัดนี้ชี้ชะตา


จิ้งจอกสยาม “เลสเตอร์ ซิตี้” ขยับใกล้กับการสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์ลีกสูงสุด ได้เป็นครั้งแรกของสโมสรเข้าไปทุกที ขณะที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น การขาดหายไปของ เจมี่ วาดี้ ดาวยิงตัวเก่งของทีม ที่ติดโทษแบนใบแดงมาจากนัดก่อนหน้านี้ คาดว่าน่าจะส่งผลต่อผลต่อรูปเกมได้พอสมควร แต่ลูกทีมของ รานิเอรี่ ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า “ทีมเวิร์ค” นั้นสำคัญกว่าตัวผู้เล่นครับ

การลงเล่นก่อนทีมอันดับสองอย่าง ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ นั้นก็เหมือนกับดาบสองคมครับ นัยหนึ่งหากเก็บชัยชนะได้ก็จะสามารถโยนแรงกดดันให้กับ สเปอร์ ได้ทันที แต่หากทำได้แย่กว่านั้นโมเมนตั้มจะกลับไปหาทีมคู่แข่งเช่นเดียวกัน แต่เลสเตอร์ก็ทำได้ดีสมกับว่าที่แชมป์ด้วยการไล่ถล่มสวอนซีถึง 4-0 ที่สุดเป็นสเปอร์ที่ไม่สามารถแบกรับแรงกดดันเอาไว้ได้ เมื่อทำได้แค่เสมอ เวสบรอมวิช อัลเบี้ยน 1-1 ทั้งๆที่เล่นต่อหน้าแฟนบอลตัวเองที่ถิ่น ไวท์ฮาร์ทเลน จนช่องว่าของคะแนนขยับไปเป็น 7 คะแนนทันที

แต่เกมชี้ชะตาของเลสเตอร์อยู่ที่นัดที่จะถึงนี้แหละครับ ด้วยเกมที่ต้องออกไปเยือนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ลูกทีมของ หลุย ฟานกัล นั้นเพิ่งจะโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมทะลุเข้าชิงถ้วย FA Cup มาเมื่อสุดสัปดาห์เช่นกัน และยังมีลุ้นโควต้า ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก หากสามารถจบด้วยอันดับท้อปโฟร์ ในตารางพรีเมียร์ ลีก

เพราะฉะนั้นเชื่อว่าเกมนี้ปีศาจแดงจะเดินเครื่องเต็มที่อย่างแน่นอน เพราะเป้าหมายบอลถ้วยนั้นลุล่วงไปแล้ว ที่เหลือก็มุ่งมั่นกับการทำอันดับให้ดีที่สุด คาดว่าเราคงได้เห็นเกมที่สู้กันอย่างสนุก ทีมหนึ่งเป้าหมายคือ แชมป์ อีกทีมเป้าหมายคือพื้นที่บอลยุโรป หากพลาดไปนั่นหมายถึงผลประโยชน์มหาศาลที่เสียไปด้วย รับรองว่าใส่กันไม่ยั้งแน่ครับ

แต่หากเลสเตอร์เกิดพลาดท่าขึ้นมา ก็ต้องลุ้นให้สเปอร์ที่เจอกับคู่แข่งกระดูกชิ้นโตอย่างเซลซีนั้นต้องไม่ชนะด้วย และโปรแกรมที่เหลืออีกสองนัดของเลสเตอร์นั้นก็หนักใช่ย่อยเหมือนกัน เมื่อต้องรับกับเอฟเวอตันในบ้านและนัดสุดท้ายต้องออกไปเยือนเชลซี แต่หากผ่านแมนยูไปได้เลสเตอร์ก็จะเป็นแชมป์ทันที!!

ส่วนสเปอร์เองหากผลในนัดนี้เข้าทางหมดทุกอย่าง โปรแกรมนัดอีกสองนัดที่เหลือนั้นเบากว่า และคงได้ลุ้นกันจนถึงนัดสุดท้ายเหมือนกัน

คงต้องดูกันครับว่าทีมสปิริตของเลสเตอร์ ความมุ่งมั่น และฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสนอต่อเนื่องมาโดยตลอดนั้น จะสามารถพาทีมไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่เพราะทุกอย่างเหลือแค่เอื้อมเท่านั้น หากทำได้ก็จะเปลี่ยนโฉมวงการฟุตบอลกันขนาดใหญ่ ทีมเล็กๆ ทุนไม่หนา แต่ใช้วิธีการของฟุตบอลด้วยกลยุทธ ยุทธวิธีต่างๆ ก็สามารถทำให้ทีมประสบความสำเร็จอยู่บนหัวตารางได้ ที่สำคัญจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทีมอื่นๆหันกลับมามองหาวิธีการที่จะประสบความสำเร็จบนข้อจำกัดที่มีอยู่ให้ได้เหมือนที่เลสเตอร์ทำไว้เป็นแบบอย่าง โดยส่วนตัวผมอยากเห็นภาพนั้นเกิดขึ้นจริงๆเลยครับ



อาถรรพ์มีไว้ทำลาย








อาถรรพ์มีไว้ “ทำลาย”


สมกับเป็น Super Big Match ประจำศึก TOYOTA Thaileague ประจำสัปดาห์นี้จริงๆครับ

เริ่มตั้งแต่บรรยากาศภายในสนาม ธันเดอร์คาสเซิล สเตเดียม ที่แฟนบอลเข้าไปเต็มความจุ24,000 ที่นั่ง ชนิดต้องขึ้นป้าย Sold Out หน้าสนาม ถือเป็นบรรยากาศของฟุตบอลอาชีพอย่างแท้จริง และบุรีรัมย์ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้เล่นคนที่ 12 ของทีมนั้นยิ่งใหญ่มากเพียงใด

เจ้าบ้านบุรีรัมย์นั้นพกเอาสถิติ 44 นัดไร้พ่ายในเกมลีก แถมมีสถิติข่มผู้มาเยือนมิดจาก 20 นัดที่เจอกันบุรีรัมย์ไม่เคยแพ้เมืองทอง ยูไนเต็ด จนเป็นที่มาของวลี “งูเหลือมกับเชือกกล้วย” 

แต่หลังจากทีมเซาะกราวต้องเสียดาวซัลโวตัวเก่งอย่าง Diogo ไปในเกม ACL จากเป็นต้นมา ก็ส่งผลให้ความน่ากลัวในแนวรุกลดฮวบลงไปอย่างน่าใจหาย ดูเหมือน KIAO และ คิม ซุนยอง นั้นความสามารถยังห่างไกลกับมาตรฐานของทีมปราสาทสายฟ้าอยู่อีกหลายช่วงตัว

ขณะที่ทัพกิเลนผยองนั้น มาด้วยความมั่นใจหลังจากนัดล่าสุดโชว์ฟอร์มเหนือชั้นชนะศรีษะเกตุมาด้วยสกอร์ 4-0 และนัดนี้โค้ช “แบน” ก็ใช้ผู้เล่นชุดเดิมในการลงสนามซึ่งดูเหมือนจะเป็นชุดที่ลงตัวที่สุดในขณะนี้

ช่วงต้นเกมนั้นเหมือนเจ้าบ้านจะดูดีกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะการขึ้นเกมทางด้านข้างที่มีโอกาสผ่านบอลเข้าไปแต่จังหวะการจบสกอร์ยังไม่ดี การที่แบ็คทั้งสองข้างของเมืองทองหุบเข้าไปรักษาพื้นที่ด้านในแบบนี้ น่าจะเป็นโอกาสให้บุรีรัมย์ใช้ประโยชน์ให้มากกว่านี้นะครับ แต่พอโดนลูกสวนกลับและเสียถึง 2 ประตูในช่วง 15 นาทีแรกนั้นทำให้เส้นทางในการออกบอลและเส้นทางในการวิ่งนั้นดูสะเปะสะปะไป

การเปลี่ยนระบบ จาก 4-4-2 เป็น 3-5-2 กลับไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ซ้ำร้ายยังมาเสียลูกที่ 3 จากจังหวะที่ ธีราธร เติมเกมบุกขึ้นไปแล้วลงไปทัน จน ธีรศิลป์ มีจังหวะหลุดเดี่ยวแม้จังหวะนั้นจะไม่เป็นประตู ซึ่งก็เป็นอาถรรพ์ของเจ้าตัวต่อไป แต่ก็เป็นจังหวะต่อเนื่องให้ทีมได้ประตู และเกมนี้ก็ตัดสินแค่ 45 นาทีแรกเท่านั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปในเกมนี้คือ ความดุดันในการเพรสซิ่งของบุรีรัมย์ ที่เคยทำได้ดีในหลายเกมที่ผ่านมาเกมนี้กลับไม่เห็นเท่าที่ควร แต่ปัญหาที่แท้จริง คือ บุรีรัมย์ยังเป็นทีมที่พึ่งพาความสามารถของผู้เล่นมากกว่า ทีมเวิร์ค หากยามนี้ยังมี Diogo ภาพที่เห็นกันชินตาก็คือ ทิ้งบอลไปให้แล้วที่เหลือศูนย์หน้าบราซิลก็ทำการปิดจ๊อบเอง การที่ทีมต้องอาศัยความสามารถของผู้เล่นคนใดคนหนึ่งในการแบกทีม ผลที่ตามมาก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ จริงๆสัญญาณมันก็ส่อเค้ามาหลายเกมแล้วโดยเฉพาะในระดับ ACL 

ดังนั้นการแก้ปัญหาของบุรีรัมย์จึงมีอยู่ 2 ทางคือ 1. หาผู้เล่นระดับนี้มาแทน หรือ 2. ปรับปรุงวิธีการเรื่องระบบและ “แทคติค” ซึ่งจริงๆก็ยังเป็นจุดอ่อนเหมือนกับหลายๆทีม ไม่เว้นแม้กระทั่งคู่แข่งในเกมนี้อย่างเมืองทองฯ เพียงแต่วันนี้มีความลงตัวมากกว่าเท่านั้น

แม้วันนี้สถิติต่างๆของบุรีรัมย์จะถูกหยุดไว้เพียงเท่านี้ แต่ด้วยวิถีของฟุตบอลลีกก็เป็นเพียงความพ่ายแพ้นัดหนึ่งเท่า ซึ่งเป็นสิ่งธรรมดาที่ทุกทีมจะต้องเจอ มองในมุมดีทีมจะได้ลดความกดดันจากสถิติที่สร้างมา กลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่ตั้งใจกันนัดต่อนัด เชื่อว่าคงจะกลับมาได้อย่างแน่นอน ขณะที่เมืองทองที่เป็นลูกไล่มาก่อน วันนี้ก็เป็นทีมที่ลุ้นแชมป์เต็มตัวและเชื่อว่าน่าจะได้ลุ้นไปจนจบฤดูกาล ส่วนแฟนบอลอย่างพวกเราก็จะได้ดูการเบียดแย่งแชมป์กันยาวๆ รอให้เกิดสถิติใหม่ว่าจะมีทีมไหนอีกบ้างหรือเปล่าที่จะเทียบสถิติของบุรีรัมย์ เพราะการทำลายสถิติหมายถึงการพัฒนาครับ



Blind Side Run







6 วิธีการสร้าง Combination of Play ในการเข้าทำประตู (5)


Blind Side Run

Blind ซึ่งแปลว่า “ตาบอด” การใช้ยุทธวิธีนี้คือจ่ายบอลไปยังพื้นที่ด้านหลังของกองหลัง หรือที่เรียกกันติดปากว่า “แทงช่อง” นั่นเอง การเลือกใช้วิธีการเข้าทำแบบนี้ ผู้เล่นจะต้องมีความเข้าใจค่อนข้างสูง การให้สัญญาณกันระหว่างคนจ่ายบอลกับคนรับบอลเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะคนจะจ่ายต้องคำนวณระยะทางและความเร็วของเพื่อนที่จะไปรับบอล รวมถึงตำแหน่งของคู่ต่อสู้

Blind Side Run จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อ กองหลังฝ่ายตรงข้ามเปิดพื้นพื้นที่ด้านหลังไว้ค่อนข้างเยอะ ที่สำคัญการยืนในตำแหน่งที่ได้เปรียบของผู้เล่นจะทำให้เกิดความเหมาะสมในการเล่นด้วยวิธีนี้ครับ

ซ้อมมาก ฝึกมาก เข้าใจกัน

วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559

เยาวชน เริ่มต้นให้ถูกทาง







เยาวชน เริ่มต้นให้ถูกทาง


ทุกคนย่อมมี “ความฝัน” แต่จะมีใครซักกี่คนที่สามารถรักษาความฝันของตัวเองไว้ได้จนกระทั่งมันกลายเป็นความจริง

วันนี้มีนักเตะคนที่กำลังเริ่มจะทำตามความฝัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเตะเยาวชน ที่มี ลีโอเนล เมสซี่, คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ไล่เรียงไปจนถึง เมสซี่ เจ เป็นไอดอลให้กับตัวเองไว้เป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ถูกต้องของการเริ่มต้น เพราะมันคือภาพของความสำเร็จและ “แรงบันดาลใจ”

แต่สำหรับผู้ปกครองทั้งหลายถ้าอยากเห็นลูกหลานของท่าน เดินบนถนนสายนี้อย่างมีคุณภาพแล้วล่ะก็ คงไม่ใช่แค่การซื้อรองเท้าดีๆ หรือชุดเท่ๆให้ใส่แต่เพียงเท่านั้น การให้กำลังใจเมื่อกับบุตรหลานของท่านยามเมื่อเจอกับความเป็นจริงของฟุตบอลต่างหากเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่า เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยเวลาและความอดทน ที่สำคัญในการก้าวข้ามขีดความสามารถของผู้เล่นเยาวชนนั้น มักต้องมาพร้อมกับกำลังใจที่ดีเสมอ

กระนั้นก็ตามฟุตบอลในระดับเยาวชนนั้น ยังไม่ควรเน้นเรื่องการแข่งขันก่อนนะครับ อย่าเพิ่งหวงผลแพ้ชนะ เด็กๆควรได้รับการเรียนรู้เรื่องเทคนิคของฟุตบอลให้มากที่สุด การฝึกซ้อมต้องมีความสนุกสนานและเหมาะสมกับวัย แบบฝึกไม่ยากจนเกินไป ที่สำคัญห้ามไม่ให้พัฒนาทางด้านความฟิตอย่างหนักโดยเด็ดขาด ทำได้เพียงการพัฒนากล้ามเนื้อตามธรรมชาติฟุตบอลเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้เล่นที่อายุต่ำกว่า 15 ปี

เนื่องจากเด็กๆในวัยนี้กำลังอยู่ในช่วงของการเจริญเติบโต อาหารที่เค้ารับประทานเข้าไปซึ่งควรจะเน้น เนื้อ นม ไข และผักผลไม้ นั้นควรจะนำไปใช้เพื่อการเจริญเติบโต ไม่ใช่นำไปสร้างกล้ามเนื้อเพื่อความแข็งแรง ทนทาน ที่สำคัญผมเคยเห็นการปลุกให้เด็กๆลุกขึ้นมาวิ่งตั้งแต่ตอนเช้ามืด เพื่อต้องการความฟิต ทั้งๆที่เวลานั้นคือเวลาพักผ่อนของเค้า Growth Hormone กำลังทำงาน แต่กลับต้องมาตื่นเพื่อฝึกซ้อมด้านพละกำลัง ถึงแม้เราจะได้นักฟุตบอลเด็กที่ฟิต แต่ผลสุดท้ายก็เหมือนอย่างที่หลายคนสงสัยว่าทำไมเด็กไทยมักจะเก่งกว่าเด็กฝรั่ง ก็เพราะเราแข็งแรงกว่านั่นเอง แต่พอโตขึ้นเรากลับไม่เคยเอาชนะเค้าได้เลย และนี่คือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของการพัฒนาที่ผ่านมาครับ

เพราะฉะนั้นวันนี้คุณๆในฐานะผู้ปกครอง ควรหันมามุ่งเน้นปลูกฝังเรื่องทัศนคติที่ถูกต้องของการมีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ ความร่วมไม้ร่วมมือ ทำงานเป็นทีม จะดีกว่า และขอย้ำว่าควรให้ความสำคัญในการพัฒนาด้านทักษะฟุตบอล เลี้ยง ส่ง โหม่ง ยิง ให้ถูกต้อง เชื่อว่าไม่นานเราจะได้ผู้เล่นที่มีคุณภาพทั้งทางด้านเทคนิคและสรีระ พร้อมก้าวขึ้นสู่ระดับอาชีพอย่างมีคุณภาพได้เป็นอย่างดี
ขอฝากไว้ด้วยนะครับ




วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

Over Lap







6 วิธีการสร้าง Combination of Play ในการเข้าทำประตู (4)      


Over Lap

หรือการ “วิ่งอ้อมหลัง” นั้นเป็นยุทธวิธีที่ใช้เมื่อผู้เล่นที่ครอบครองบอลสามารถดึงคู่ต่อสู้มาเล่นกับตนเอง แล้วเปิดพื้นที่ด้านหลังเอาไว้ ผู้เล่นสามารถใช้วิธีการวิ่งอ้อมหลังคนที่มีบอลไปรับบอลยังพื้นที่ที่เปิดอยู่ เรามักเห็นวิธีการเล่นแบบนี้ทางด้านริมเส้นเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม และตำแหน่งที่มักจะ Over Lap ขึ้นไปก็คือ Full Back ทั้งสองข้าง

กระนั้นการเติมเกมขึ้นไปของ Back จะต้องพิจารณา 3 อย่างด้วยกันคือ
1. ในขณะที่กำลังจะเติมเกมมีคู่ต่อสู้ที่ต้องรับผิดชอบมาร์คอยู่หรือไม่ เพราะการเติมเกมขึ้นไปนั่นหมายถึงการทิ้งหน้าที่ในเกมรับ
2. หากจำเป็นต้องทิ้งคู่นั่นหมายถึงขึ้นไปแล้วต้องได้บอล 100%
3. เมื่อได้บอลแล้วห้ามเสียการครอบครองบอลโดยเด็ดขาด ต้องผ่านบอลหรือต้องยิงประตูเท่านั้น เพราะหากเสียการครอบครองคู่ต่อสู้ที่ Back ทิ้งไปเอาบอลนั้นจะว่าง และเป็นโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามสวนกลับในตำแหน่งนั้นทันที

การเล่นด้วยวิธีการนี้ “จังหวะ” เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ต้องผ่านการคิดวิเคราะห์ อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญต้องคำนึงถึงสิ่งที่เกิดตามมาหากตัดสินใจผิดพลาด ควรฝึกให้เกิดความชำนาญเพื่อในสถานการณ์จริงจะสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมนะครับ

ซ้อมกันมาก ก็ เข้าใจกันมาก




วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559

เลือกได้ไม่ขอ "เจ็บ"







เลือกได้ไม่ขอ “เจ็บ”


ฟุตบอลเป็นกีฬาที่มีการ “ปะทะ” ดังนั้นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือปัญหาการบาดเจ็บ ทั้งที่เกิดจากการแข่งขันและขณะฝึกซ้อม

แต่การบาดเจ็บในนักกีฬาฟุตบอลนั้นนอกเหนือจากการกระทบกระทั่งกันในสนามซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้แล้ว ยังมีปัญหาที่เกิดจากปัจจัยอื่นๆอีก โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเอง เช่น กล้ามเนื้อฉีก กล้ามเนื้อกระตุก เป็นต้น ซึ่งมักจะต้องใช้เวลาในการรักษามากกว่าปกติ ซึ่งสาเหตุของการบาดเจ็บลักษณะนี้มักเกิดจาก

1. ความฟิตไม่ถึง นักกีฬาที่เรื้อการลงสนามไปนาน หรือฝึกซ้อมไม่เพียงพอ ส่งผลให้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆไม่อยู่ในระดับที่เหมาะสมที่จะลงไปเจอเกมหนักๆ รวมไปถึงความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เอ็นข้อต่อต่างๆก็มีไม่เพียงพอเช่นกัน ที่สำคัญคือขาดการทดสอบและเก็บข้อมูลทางด้านความฟิตของนักกีฬาซึ่งหลายๆทีมมองข้ามจุดนี้ไปอย่างน่าเสียดาย

2. ขาดการเตรียมพร้อมก่อนลงสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอบอุ่นร่างกายก่อนลงสนาม การยืดเหยียดกล้ามเนื้อที่ถูกต้องละใช้เวลาอย่างเหมาะสม นักกีฬาหลายคนมองข้ามจุดนี้ไปและเป็นสิ่งที่นักกีฬาต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ซึ่งบางครั้งการอบอุ่นร่างกายจากโค้ชฟิตเนสอาจไม่เพียงพอ นักกีฬาต้องรู้ตัวเองว่าควรจะเพิ่มเติมตรงไหน

3. การพักผ่อนไม่เพียงพอ เช่นนอนดึก นอนไม่หลับ จะส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจนั้นเปลี่ยนไป ส่งผลต่อการไหลเวียนของโลหิตและกล้ามเนื้อ

4. ดื่มน้ำน้อยเกินไป ทั้งในระหว่างการก่อนการลงสนาม ระหว่างลงสนาม และหลังจากลงสนาม รวมไปถึงในการใช้ชีวิตประจำวัน นักกีฬาต้องได้รับน้ำอย่างน้อย 3 ถึง 4 ลิตร ต่อวัน เพราะน้ำจะส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของการใช้กล้ามที่ต้องใช้น้ำเป็นตัวพาเอาเกลือแร่และสารอาหารไปให้ร่างกายใช้

5. โภชนาการไม่สมบูรณ์ นักกีฬาฟุตบอลนั้นต้องใช้พลังงานอยู่ที่ประมาณ 3500 KCal ต่อวัน นอกเหนือจากอาหารที่ให้พลังงานสูงอย่างคาร์โบไฮเดรตแล้ว อาหารประเภทโปรตีนก็เป็นสิ่งจำเป็น เพราะกล้ามเนื้อของนักกีฬามีความสึกหรอค่อนข้างสูง หากขาดวัตถุดิบในการซ่อมแซมก็จะส่งผลให้กล้ามเนื้อขาดความแข็งแรงบาดเจ็บได้ง่าย

6. การเคลื่อนไหวผิดจังหวะ หรือเคลื่อนไหวผิดท่า ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัยที่อาจเกิดขึ้นได้กับนักกีฬา อย่างไรก็ตามหากนักกีฬามีความฟิตที่เหมาะสม แม้เกิดอาการบาดเจ็บก็จะใช้ระยะเวลาในการรักษาน้อยลง

ไม่มีนักกีฬาคนไหนต้องการบาดเจ็บหรอกนะครับ หากแต่เรามีโอกาสที่จะป้องกันให้เกิดน้อยที่สุด ดังนั้นจงอย่ามองข้ามปัจจัยเล็กๆน้อยๆที่จะก่อให้เกิดการบาดเจ็บ เพราะเมื่อไรที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะกับนักกีฬาคนใดก็ตาม นั่นหมายถึงทีมต้องเสียโอกาสในการใช้งานและโค้ชก็ต้องสูญเสียตัวเลือก นักกีฬาเองก็เสียเวลาในการรักษาสุดท้ายก็จะส่งผลกระทบกับทีม เพราะทุกคนในทีมนั้นย่อมมีความสำคัญ ฝากถึงนักกีฬาทุกท่านนะครับเตรียมตัวเองให้พร้อมป้องกันให้ดีที่สุดลดปัจจัยเสี่ยงให้มากที่สุด แล้วคุณจะได้ชื่อว่า “มืออาชีพ” ครับ



วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2559

Double Pass







6 วิธีการสร้าง Combination of Play ในการเข้าทำประตู (3)      


Double Pass

ยุทธวิธีการเข้าทำด้วย Double Pass นั้น เป็นการวิธีการเล่นที่ต้องใช้ทักษะและความเข้าใจที่ค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับการเปลี่ยนพื้นที่ในการเล่น และหากคู่ต่อสู้ไม่พร้อมก็จะทำให้ยากแก่การป้องกัน การเล่นด้วยวิธีนี้จะมีผู้เล่นที่เกี่ยวข้อง 3 คน ความสำคัญจะอยู่ที่ผู้เล่นตัวที่ 3 จะต้องอ่านเกมอยู่และเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา รวมถึงต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย

ดังนั้นหากทีมต้องการใช้วิธีการนี้ จำเป็นต้องฝึกซ้อมจนเกิดทักษะและความชำนาญ จึงจะสามารถเล่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซ้อมให้เยอะฝึกให้หนักประสิทธิภาพมันคุ้มค่าเหลือเกินครับ








วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2559

สำรอง ก็ สำคัญ








สำรอง ก็ สำคัญ


การแข่งขันฟุตบอลแต่ละนัดนั้นจะมีผู้เล่นลงสนามได้เพียงแค่ 11 คนเท่านั้น ขณะที่ในทีมฟุตบอลทีมหนึ่งๆนั้นจะมีผู้เล่นอยู่ราว 25-30 คน ยิ่งเป็นทีมสโมสรที่ใหญ่ขึ้นไปแล้วล่ะก็ อาจมีถึง 40-50 คนเลยทีเดียว

นั่นหมายถึงผู้เล่นส่วนใหญ่ในทีมจะไม่ได้ลงสนาม คนที่ไม่ได้ลงสนามก็คือผู้เล่น “สำรอง” หากแต่ผู้เล่นสำรองนั้นมีความสำคัญไม่แพ้ผู้เล่นตัวจริง ยิ่งในยุคปัจจุบันที่รายการแข่งขันฟุตบอลมีชุกมากการ Rotation จึงมีความสำคัญต่อทีมไม่น้อย กระนั้นก็ตามก็ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนอยากเป็นตัวสำรองอยู่ดี

ประเด็นจึงอยู่ที่ผู้เล่นสำรองนั้นจะสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งตัวจริงได้อย่างไรนั้นมีปัจจัยอะไรบ้างต่างหาก

สิ่งแรกเลยที่ต้องมีก็คือ “เป้าหมาย” ที่จะต้องก้าวขึ้นเป็น 11 ตัวจริงให้ได้ จริงอยู่ที่ในการฝึกซ้อมแต่ละวันนั้นไม่ว่าผู้เล่นสำรองหรือตัวจริงก็จะทำการซ้อมเหมือนๆกัน หากแต่ผู้เล่นที่มีเป้าหมายในการเล่นนั้นจะมีความตั้งใจฝึกซ้อมและมักจะมีการซ้อมเพิ่มเติมและหนักกว่าคนอื่น และมักจะพัฒนาแก้ไขจุดบกพร่องที่ตัวเองมีอยู่ให้ไม่มีอยู่หรือให้มีอยู่น้อยที่สุด

“ทัศนคติ” เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เล่นที่คิดจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมต้องมีอย่างถูกต้อง การไม่ได้รับโอกาสจากโค้ชให้ลงสนามนั้นย่อมแสดงให้เห็นว่า ยังมีผู้เล่นคนอื่นที่ดีกว่าตนเองในตำแหน่งเดียวกัน ต้องพยายามพัฒนาตัวเองเพื่อให้เป็นตัวเลือกของโค้ชให้ได้ อีกอย่างก็คือให้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตนเองและ “ทีม” ชนะด้วยกัน แพ้ด้วยกัน ตัวสำรองก็คือส่วนหนึ่งของทีมนะครับ

“ความเข้าใจ” ผู้เล่นที่ดีจะต้องมีความเข้าใจถึง คาแรกเตอร์และวิธีการเล่นของทีม แม้จะเป็นผู้เล่นสำรองเองก็ตาม เพราะฉะนั้นในขณะที่ผู้เล่นสำรองนั่งอยู่ข้างสนามผู้เล่นเหล่านั้นจะพยายามอ่านเกม คิด และจินตนาการตามว่าหากเป็นตนเองที่ได้รับโอกาสจะทำอย่างไร

“มีความพร้อมอยู่เสมอ” ไม่มีใครรู้ว่าตนเองจะได้รับโอกาสในการลงสนามเมื่อไร ที่สำคัญคือ เมื่อได้รับโอกาสแล้วต้องทำสิ่งนั้นให้ได้ เพราะบางครั้งเวลาที่ได้ก็น้อยตามลงไปด้วย หากสามารถลงไปเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ โอกาสสำหรับการได้เป็นตัวหลักก็ย่อมเปิดกว้างมากขึ้น สังเกตง่ายๆครับทีมในระดับอาชีพ ในขณะที่ทุกสายตาในสนามจับจ้องอยู่กับเกมการแข่งขัน จะมีผู้เล่นอยู่กลุ่มหนึ่งที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองออกไปวอร์มอัพเตรียมตัวสำหรับได้รับโอกาสอยู่เสมอ

“เราไม่อาจล่วงรู้อนาคตได้ แต่เราเตรียมพร้อมสำหรับมันได้” ฝากถึงใครก็ตามครับที่ยังไม่สามารถสอดแทรกขึ้นเป็นตัวหลักของทีมได้ ก็อย่าเพิ่งท้อถอย เตรียมตัวเองให้พร้อมที่สุด แก้ไขจุดบกพร่องของตัวเอง ทำให้โค้ชเห็นให้ได้ เชื่อว่าหากคุณยืนหยัดทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างต่อเนื่องและเต็มที่ที่สุด ซักวันโอกาสจะมาถึงคุณแน่นอน





Wall Pass







6 วิธีการสร้าง Combination of Play ในการเข้าทำประตู (2)


Wall Pass

หรือที่เรียกว่า “ลูกชิ่ง” เป็นการเข้าทำที่ผู้เล่นมักใช้ในสถานการณ์ที่ต้องการหนีการมาร์คจากคู่ต่อสู้ ต้องทำด้วยความรวดเร็วและเข้าใจกัน อย่างไรก็ตามคนที่สำคัญก็คือ ผู้เล่นที่เป็น “ตัวชิ่ง” นั้นจะต้องคาดการณ์อยู่เสมอว่าในขณะที่เพื่อนได้บอล ตัวเองนั้นจะสามารถทำอะไรได้บ้าง เช่นกรณีของการอยู่ใน Position ของการทำชิ่งได้ เป็นต้น

ดังนั้น คนมีบอลนั้นสำคัญด้วยตัวเองแต่คนไม่มีบอลนั้นสำคัญกว่า ทุกสถานการณ์ผู้เล่นต้องอ่านเกมอยู่เสมอและต้องทำตัวเองให้อยู่ในเกมตลอดเวลานะครับ


SOLO







6 วิธีการสร้าง Combination of Play ในการเข้าทำประตู


ในการสร้างเกมรุกนั้นเป้าหมายก็คือการทำประตู ซึ่งในศาสตร์ของฟุตบอลสมัยใหม่นั้นแบ่งวิธีการเข้าทำออกเป็น 6 อย่างดังนี้

1 Solo (เลี้ยงเดี่ยว)

2 Wall Pass (ทำชิ่ง)

3 Over Lap (วิ่งอ้อมหลัง)

4 Blind Side Run (จ่ายตัดหลัง)

5 Double Pass

6 Crossing (โจมตีจากด้านข้าง)

วันนี้เรามาเริ่มกันที่ Solo กันก่อนนะครับ

การ Solo หรือการเลี้ยงเดี่ยวนั้น ไม่ใช่อยู่ดีๆจะตะพึดตะพือเลี้ยงเข้าไปทำประตูเพียงอย่างเดียวเลยนะครับ ก่อนที่ผู้เล่นจะทำการตัดสินใจทำการ Solo นั้น ต้องพิจารณาเห็นแล้วว่าผู้เล่นในทีมเดียวกันถูกมาร์คอยู่ไม่สามารถเล่นบอลได้ หรือคำนวณแล้วว่าหากจ่ายบอลไปให้ก็อาจมีโอกาสที่จะถูกตัดบอล ผู้เล่นที่ครอบครองบอลขณะนั้นจึงจะสามารถทำการ Solo เข้าไปเพื่อทำประตูได้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการทำเกมรุกนั่นคือการ “ทำประตู”

อย่างไรก็ตามผู้เล่นจะต้องได้รับการเรียนรู้พื้นฐานมาก่อนว่า การเลี้ยงนั้นเลี้ยงเพื่ออะไร นั่นคือเลี้ยงเพื่อการครอบครองบอลหรือเลี้ยงเพื่อแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า การเลี้ยงที่ดีต้องเลี้ยงในแนวทะลุทะลวง ไม่ใช่เลี้ยงขวางสนาม เป็นต้น เหล่านี้คือสิ่งที่ผู้เล่นต้องได้รับการเรียนรู้มาก่อนทั้งสิ้น

ฟุตบอลสมัยใหม่ ต้องเล่นไปคิดไปนะครับ

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

โค้ชนั้น สำคัญไฉน







ปราชญ์ลูกหนังท่านหนึ่งได้เคยกล่าวเอาไว้ว่า “โค้ชที่ดี ย่อมต้องทำให้ผู้เล่นติดทีมชาติได้” 


หากเราเปรียบการสร้างทีมฟุตบอลเหมือนกับการปรุงอาหาร “โค้ช” หรือผู้ฝึกสอนก็เปรียบได้เสมือนกับ “เชฟ” ผู้รังสรรค์อาหารหลากรสชาติให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ จะต้องมีความพิถีพิถันในทุกๆด้าน ทั้งการคัดเลือกวัตถุดิบให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด หากมีวัตถุดิบที่ดีบางครั้งแทบไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากก็ได้อาหารจานเด็ดแล้ว 

ขณะเดียวกันขั้นตอนในการปรุงนั้นก็มีความสำคัญไม่น้อย หากเชฟไม่มีความเชี่ยวชาญเพียงพอแม้จะมีวัตถุดิบที่ดีซักเพียงใดก็ตาม อาหารจานนั้นก็อาจจะกลายเป็นเพียงอาหารธรรมดาจานหนึ่งก็เป็นได้ ในทางตรงข้ามแม้บางครั้งวัตถุดิบที่ได้มาอาจเป็นวัตถุดิบที่แสนจะธรรมดา แต่ด้วยความสามารถของเชฟที่สามารถดึงเอารสชาติที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความธรรมดาของวัตถุดิบอันนั้น นำมาผ่านกระบวนการปรุงอย่างดี จนกลายเป็นอาหารรสเลิศก็มีอยู่ให้เห็นกันอย่างมากมายฉันใด

“โค้ช” ก็เช่นเดียวกันครับ เขาคือปัจจัยที่สำคัญอย่างมากที่จะตัดสินอนาคตและความสำเร็จของทีม เพราะถึงแม้ฟุตบอลนั้นจะวัดผลแพ้ชนะกันในสนาม แต่ทุกอย่างล้วนเป็นผลมาจากการทำงานภายนอกสนามมาก่อนทั้งสิ้น

กระนั้นก็ตามคุณๆเคยสงสัยหรือไม่ครับว่า ทีมบางทีมทั้งๆที่ผู้เล่นเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนแค่โค้ชหรือผู้จัดการทีมก็ทำให้ทีมนั้นดีขึ้นผิดหูผิดตา หรือบางทีมที่มีผู้เล่นเก่งๆเดินชนกันเต็มไปหมดแต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในการแข่งขัน มันก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการปรุงของโค้ชนั่นแหละครับ เมื่อตั้งระบบการเล่นขึ้นมาแล้ว โค้ช จะนำเอาผู้เล่นมาวางให้เข้ากับระบบนั้นได้อย่างไร ใครเคลื่อนที่ไปทางไหน รุกทำอะไร รับทำอะไร แทคติคต่างๆจะใช้ตอนไหน ทำไมต้องทำอย่างนั้น รายระเอียดต่างๆเหล่านี้ เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องนำออกมาเป็นรูปธรรมและใช้ได้จริง

ผมชอบคำสัมภาษณ์ที่ Xavi Hernandez ได้พูดถึง Pep Guardiola ว่า “Pep เป็นโค้ชคนแรกที่ไม่ใช่แค่บอกว่าให้ทำอะไร แต่กลับอธิบายด้วยว่า ทำไมต้องทำสิ่งนั้น” นั่นแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในเรื่องของฟุตบอลที่โค้ชได้ส่งต่อให้กับผู้เล่นของเขา เพราะโค้ชจะต้องพยายามนำเอาภาพที่อยู่ในสมองออกมาให้เกิดขึ้นได้จริง เพราะผู้เล่นนั้นพร้อมที่จะทำตามอย่างที่โค้ชสั่งอยู่แล้ว ที่สำคัญผลงานในสนามที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะยังไง “โค้ช” จะต้องเป็นคนที่รับผิดชอบทั้งหมดครับ