“เปาไทย”
ต้องให้เวลา
ต้องยอมรับครับว่าในอดีตที่ผ่านมา “ผู้ตัดสิน” คือส่วนหนึ่งของปัญหาวงการฟุตบอลบ้านเรา บ่อยครั้งที่เห็นการประท้วงด้วยการ “วอร์คเอาท์” หรือกระทั่งร้ายแรงจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย เนื่องจากความไม่พอใจการทำหน้าที่ในสนาม
แต่ในยุคที่ขั้วอำนาจเปลี่ยนมาอยู่ในมือผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯชุดใหม่ ดูเหมือนปัญหานี้จะเป็นสิ่งแรกๆที่สมาคมตั้งใจจะปรับปรุงพัฒนา ให้มีมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็น และหากสมาคมฯเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับวงการ “เชิ้ตดำ” แล้วล่ะก็ เชื่อว่าทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้นอย่างแน่นอน
ด้วยความที่ลีกบ้านเราเติบโตอย่างก้าวกระโดด เราอาจพัฒนาในเรื่องคุณภาพของทีม คุณภาพของกองเชียร์ และการบริหารจัดการด้านอื่นๆ แต่ต้องเห็นใจวงการผู้ตัดสินที่อาจก้าวตามการพัฒนาเหล่านั้นไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นของทีมต่างๆมากมายในลีกภูมิภาค นั้นดูเหมือนจะสวนทางกับปริมาณผู้ตัดสินที่มีคุณภาพ การที่แค่มีกรรมการไปทำหน้าที่แต่ละนัดนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีถมไปแล้ว ฉะนั้นด้วยความใหม่ประสบการณ์ทั้งของทีมเอง ทั้งกองเชียร์ และผู้ตัดสินเลยทำให้เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
แล้วจะทำอย่างไรถึงจะเพิ่มปริมาณผู้ตัดสินที่มีคุณภาพให้มากขึ้น เราต้องมองย้อนไปถึงเรื่องของ “ผลตอบแทน” ที่ผู้ตัดสินได้รับด้วยนะครับ ที่ผ่านมาบางคนมาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยจิตอาสาแลกด้วยค่าตอบแทนอันน้อยนิด แถมยังได้รับความไม่ปลอดภัยในชีวิตอีกต่างหาก ในขณะที่ผลตอบแทนของนักฟุตบอลและบุคลากรอื่นๆวันนี้ต้องบอกว่าสามารถยึดเป็นอาชีพได้อย่างสบาย ขณะที่กรรมการยังได้รับแค่ “เบี้ยเลี้ยง” เท่านั้น กำลังจะชี้ให้เห็นครับว่า หากในอนาคตเราสามารถพัฒนาไปถึงขั้น “ผู้ตัดสินอาชีพ” ให้เค้ามีรายได้ที่สามารถดูแลครอบครัวได้ เป็นอาชีพที่มีเกียรติและได้รับการยอมรับในสังคม แน่นอนต้องแลกด้วยการอยู่ในมาตรฐานทั้งสรรถภาพทางกาย และคุณภาพของการตัดสิน โดยมีระบบการประเมินอย่างมีคุณภาพ เชื่อว่าเราจะได้คนที่จะมาทำหน้าที่นี้เพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญทุกคนจะพยายามรักษาและพัฒนามาตรฐานการตัดสินของตัวเอง และคงไม่ยอมเอาความมั่นคงของอาชีพรวมถึงเกียรติและศักดิ์ศรีไปแลกกับ “อามิสสินจ้าง” เหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
กระนั้นก็ตามในฝากฝั่งของสโมสรและกองเชียร์ ต้องตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่งที่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรความผิดพลาดในการตัดสินนั้นย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า “เสน่ห์” ของฟุตบอล ตอนที่ผมได้มีโอกาสอบรมโค้ชใหม่ๆ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราได้รับการเรียนรู้เป็นเรื่องแรกๆเลยนะครับ จำได้ว่าตอนนั้นวิทยากรคือ “เปาอั๋น” อ.ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ ท่านได้บอกไว้ว่าในแต่ละเกมผู้ตัดสินมีโอกาสผิดพลาดได้ถึง 15-20% นั่นหมายความว่าในการเป่านกหวีด 10 ครั้งจะมีความผิดพลาด 2 ครั้ง ซึ่งอาจเป็นผลดีกับเราหรือคู่ต่อสู้ก็ได้ หากเข้าใจตรงนี้คิดว่าเราคงมีมุมมองที่ดีต่อผู้ตัดสินเพิ่มมากขึ้นนะครับ รวมไปถึงเจ้าของทีมทั้งหลายที่มักใช้วาทกรรมที่ว่า “ทีมลงทุนเป็นร้อยล้าน แล้วมาถูกผู้ตัดสินทำลาย” อยากให้มองย้อนกลับไปว่า ณ วันที่คุณตัดสินใจสร้างทีมเรื่องนี้คุณน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ความผิดพลาด(ในแง่สุจริต) ก็ไม่ต่างอะไรกับการยิงลูกโทษไม่เข้าครับ คุณลงทุนเป็นร้อยล้านเหมือนกันแต่จะฝากไว้แค่การเอาฟุตบอลไปซุกก้นตาข่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้นหรือก็คงจะไม่ใช่
และเท่าที่ผมมีโอกาสได้ไปดูเกมในสนามโดยเฉพาะในระดับไทยพรีเมียร์และ ดิวิชั่น 1 หลังๆนี่ต้องยอมรับครับว่าผู้ตัดสินตัดสินได้ดีขึ้นมาก อาจมีข้อผิดพลาดบ้างแต่พอรับได้ส่วนเรื่องเป่าเอียงนั้นไม่มีให้เห็นแล้วครับ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น เราคงต้องให้เวลากันอีกนิดนะครับโดยเฉพาะในลีกล่างๆเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อมองย้อนมาถึงวันนี้คงจะบอกได้ว่า เรามาได้ไกลกว่าเดิมมากจริงๆ.....
ต้องยอมรับครับว่าในอดีตที่ผ่านมา “ผู้ตัดสิน” คือส่วนหนึ่งของปัญหาวงการฟุตบอลบ้านเรา บ่อยครั้งที่เห็นการประท้วงด้วยการ “วอร์คเอาท์” หรือกระทั่งร้ายแรงจนถึงขั้นทำร้ายร่างกาย เนื่องจากความไม่พอใจการทำหน้าที่ในสนาม
แต่ในยุคที่ขั้วอำนาจเปลี่ยนมาอยู่ในมือผู้บริหารสมาคมฟุตบอลฯชุดใหม่ ดูเหมือนปัญหานี้จะเป็นสิ่งแรกๆที่สมาคมตั้งใจจะปรับปรุงพัฒนา ให้มีมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็น และหากสมาคมฯเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับวงการ “เชิ้ตดำ” แล้วล่ะก็ เชื่อว่าทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้นอย่างแน่นอน
ด้วยความที่ลีกบ้านเราเติบโตอย่างก้าวกระโดด เราอาจพัฒนาในเรื่องคุณภาพของทีม คุณภาพของกองเชียร์ และการบริหารจัดการด้านอื่นๆ แต่ต้องเห็นใจวงการผู้ตัดสินที่อาจก้าวตามการพัฒนาเหล่านั้นไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นของทีมต่างๆมากมายในลีกภูมิภาค นั้นดูเหมือนจะสวนทางกับปริมาณผู้ตัดสินที่มีคุณภาพ การที่แค่มีกรรมการไปทำหน้าที่แต่ละนัดนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีถมไปแล้ว ฉะนั้นด้วยความใหม่ประสบการณ์ทั้งของทีมเอง ทั้งกองเชียร์ และผู้ตัดสินเลยทำให้เหตุการณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
แล้วจะทำอย่างไรถึงจะเพิ่มปริมาณผู้ตัดสินที่มีคุณภาพให้มากขึ้น เราต้องมองย้อนไปถึงเรื่องของ “ผลตอบแทน” ที่ผู้ตัดสินได้รับด้วยนะครับ ที่ผ่านมาบางคนมาทำหน้าที่ตรงนี้ด้วยจิตอาสาแลกด้วยค่าตอบแทนอันน้อยนิด แถมยังได้รับความไม่ปลอดภัยในชีวิตอีกต่างหาก ในขณะที่ผลตอบแทนของนักฟุตบอลและบุคลากรอื่นๆวันนี้ต้องบอกว่าสามารถยึดเป็นอาชีพได้อย่างสบาย ขณะที่กรรมการยังได้รับแค่ “เบี้ยเลี้ยง” เท่านั้น กำลังจะชี้ให้เห็นครับว่า หากในอนาคตเราสามารถพัฒนาไปถึงขั้น “ผู้ตัดสินอาชีพ” ให้เค้ามีรายได้ที่สามารถดูแลครอบครัวได้ เป็นอาชีพที่มีเกียรติและได้รับการยอมรับในสังคม แน่นอนต้องแลกด้วยการอยู่ในมาตรฐานทั้งสรรถภาพทางกาย และคุณภาพของการตัดสิน โดยมีระบบการประเมินอย่างมีคุณภาพ เชื่อว่าเราจะได้คนที่จะมาทำหน้าที่นี้เพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญทุกคนจะพยายามรักษาและพัฒนามาตรฐานการตัดสินของตัวเอง และคงไม่ยอมเอาความมั่นคงของอาชีพรวมถึงเกียรติและศักดิ์ศรีไปแลกกับ “อามิสสินจ้าง” เหมือนที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
กระนั้นก็ตามในฝากฝั่งของสโมสรและกองเชียร์ ต้องตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่งที่ว่า ไม่ว่าจะอย่างไรความผิดพลาดในการตัดสินนั้นย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า “เสน่ห์” ของฟุตบอล ตอนที่ผมได้มีโอกาสอบรมโค้ชใหม่ๆ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราได้รับการเรียนรู้เป็นเรื่องแรกๆเลยนะครับ จำได้ว่าตอนนั้นวิทยากรคือ “เปาอั๋น” อ.ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ ท่านได้บอกไว้ว่าในแต่ละเกมผู้ตัดสินมีโอกาสผิดพลาดได้ถึง 15-20% นั่นหมายความว่าในการเป่านกหวีด 10 ครั้งจะมีความผิดพลาด 2 ครั้ง ซึ่งอาจเป็นผลดีกับเราหรือคู่ต่อสู้ก็ได้ หากเข้าใจตรงนี้คิดว่าเราคงมีมุมมองที่ดีต่อผู้ตัดสินเพิ่มมากขึ้นนะครับ รวมไปถึงเจ้าของทีมทั้งหลายที่มักใช้วาทกรรมที่ว่า “ทีมลงทุนเป็นร้อยล้าน แล้วมาถูกผู้ตัดสินทำลาย” อยากให้มองย้อนกลับไปว่า ณ วันที่คุณตัดสินใจสร้างทีมเรื่องนี้คุณน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ความผิดพลาด(ในแง่สุจริต) ก็ไม่ต่างอะไรกับการยิงลูกโทษไม่เข้าครับ คุณลงทุนเป็นร้อยล้านเหมือนกันแต่จะฝากไว้แค่การเอาฟุตบอลไปซุกก้นตาข่ายเพียงครั้งเดียวเท่านั้นหรือก็คงจะไม่ใช่
และเท่าที่ผมมีโอกาสได้ไปดูเกมในสนามโดยเฉพาะในระดับไทยพรีเมียร์และ ดิวิชั่น 1 หลังๆนี่ต้องยอมรับครับว่าผู้ตัดสินตัดสินได้ดีขึ้นมาก อาจมีข้อผิดพลาดบ้างแต่พอรับได้ส่วนเรื่องเป่าเอียงนั้นไม่มีให้เห็นแล้วครับ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น เราคงต้องให้เวลากันอีกนิดนะครับโดยเฉพาะในลีกล่างๆเชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เมื่อมองย้อนมาถึงวันนี้คงจะบอกได้ว่า เรามาได้ไกลกว่าเดิมมากจริงๆ.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น