วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2559

อาถรรพ์มีไว้ทำลาย








อาถรรพ์มีไว้ “ทำลาย”


สมกับเป็น Super Big Match ประจำศึก TOYOTA Thaileague ประจำสัปดาห์นี้จริงๆครับ

เริ่มตั้งแต่บรรยากาศภายในสนาม ธันเดอร์คาสเซิล สเตเดียม ที่แฟนบอลเข้าไปเต็มความจุ24,000 ที่นั่ง ชนิดต้องขึ้นป้าย Sold Out หน้าสนาม ถือเป็นบรรยากาศของฟุตบอลอาชีพอย่างแท้จริง และบุรีรัมย์ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้เล่นคนที่ 12 ของทีมนั้นยิ่งใหญ่มากเพียงใด

เจ้าบ้านบุรีรัมย์นั้นพกเอาสถิติ 44 นัดไร้พ่ายในเกมลีก แถมมีสถิติข่มผู้มาเยือนมิดจาก 20 นัดที่เจอกันบุรีรัมย์ไม่เคยแพ้เมืองทอง ยูไนเต็ด จนเป็นที่มาของวลี “งูเหลือมกับเชือกกล้วย” 

แต่หลังจากทีมเซาะกราวต้องเสียดาวซัลโวตัวเก่งอย่าง Diogo ไปในเกม ACL จากเป็นต้นมา ก็ส่งผลให้ความน่ากลัวในแนวรุกลดฮวบลงไปอย่างน่าใจหาย ดูเหมือน KIAO และ คิม ซุนยอง นั้นความสามารถยังห่างไกลกับมาตรฐานของทีมปราสาทสายฟ้าอยู่อีกหลายช่วงตัว

ขณะที่ทัพกิเลนผยองนั้น มาด้วยความมั่นใจหลังจากนัดล่าสุดโชว์ฟอร์มเหนือชั้นชนะศรีษะเกตุมาด้วยสกอร์ 4-0 และนัดนี้โค้ช “แบน” ก็ใช้ผู้เล่นชุดเดิมในการลงสนามซึ่งดูเหมือนจะเป็นชุดที่ลงตัวที่สุดในขณะนี้

ช่วงต้นเกมนั้นเหมือนเจ้าบ้านจะดูดีกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะการขึ้นเกมทางด้านข้างที่มีโอกาสผ่านบอลเข้าไปแต่จังหวะการจบสกอร์ยังไม่ดี การที่แบ็คทั้งสองข้างของเมืองทองหุบเข้าไปรักษาพื้นที่ด้านในแบบนี้ น่าจะเป็นโอกาสให้บุรีรัมย์ใช้ประโยชน์ให้มากกว่านี้นะครับ แต่พอโดนลูกสวนกลับและเสียถึง 2 ประตูในช่วง 15 นาทีแรกนั้นทำให้เส้นทางในการออกบอลและเส้นทางในการวิ่งนั้นดูสะเปะสะปะไป

การเปลี่ยนระบบ จาก 4-4-2 เป็น 3-5-2 กลับไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ซ้ำร้ายยังมาเสียลูกที่ 3 จากจังหวะที่ ธีราธร เติมเกมบุกขึ้นไปแล้วลงไปทัน จน ธีรศิลป์ มีจังหวะหลุดเดี่ยวแม้จังหวะนั้นจะไม่เป็นประตู ซึ่งก็เป็นอาถรรพ์ของเจ้าตัวต่อไป แต่ก็เป็นจังหวะต่อเนื่องให้ทีมได้ประตู และเกมนี้ก็ตัดสินแค่ 45 นาทีแรกเท่านั้น

แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดหายไปในเกมนี้คือ ความดุดันในการเพรสซิ่งของบุรีรัมย์ ที่เคยทำได้ดีในหลายเกมที่ผ่านมาเกมนี้กลับไม่เห็นเท่าที่ควร แต่ปัญหาที่แท้จริง คือ บุรีรัมย์ยังเป็นทีมที่พึ่งพาความสามารถของผู้เล่นมากกว่า ทีมเวิร์ค หากยามนี้ยังมี Diogo ภาพที่เห็นกันชินตาก็คือ ทิ้งบอลไปให้แล้วที่เหลือศูนย์หน้าบราซิลก็ทำการปิดจ๊อบเอง การที่ทีมต้องอาศัยความสามารถของผู้เล่นคนใดคนหนึ่งในการแบกทีม ผลที่ตามมาก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ จริงๆสัญญาณมันก็ส่อเค้ามาหลายเกมแล้วโดยเฉพาะในระดับ ACL 

ดังนั้นการแก้ปัญหาของบุรีรัมย์จึงมีอยู่ 2 ทางคือ 1. หาผู้เล่นระดับนี้มาแทน หรือ 2. ปรับปรุงวิธีการเรื่องระบบและ “แทคติค” ซึ่งจริงๆก็ยังเป็นจุดอ่อนเหมือนกับหลายๆทีม ไม่เว้นแม้กระทั่งคู่แข่งในเกมนี้อย่างเมืองทองฯ เพียงแต่วันนี้มีความลงตัวมากกว่าเท่านั้น

แม้วันนี้สถิติต่างๆของบุรีรัมย์จะถูกหยุดไว้เพียงเท่านี้ แต่ด้วยวิถีของฟุตบอลลีกก็เป็นเพียงความพ่ายแพ้นัดหนึ่งเท่า ซึ่งเป็นสิ่งธรรมดาที่ทุกทีมจะต้องเจอ มองในมุมดีทีมจะได้ลดความกดดันจากสถิติที่สร้างมา กลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่ตั้งใจกันนัดต่อนัด เชื่อว่าคงจะกลับมาได้อย่างแน่นอน ขณะที่เมืองทองที่เป็นลูกไล่มาก่อน วันนี้ก็เป็นทีมที่ลุ้นแชมป์เต็มตัวและเชื่อว่าน่าจะได้ลุ้นไปจนจบฤดูกาล ส่วนแฟนบอลอย่างพวกเราก็จะได้ดูการเบียดแย่งแชมป์กันยาวๆ รอให้เกิดสถิติใหม่ว่าจะมีทีมไหนอีกบ้างหรือเปล่าที่จะเทียบสถิติของบุรีรัมย์ เพราะการทำลายสถิติหมายถึงการพัฒนาครับ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น