วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ถึงเวลา "บุญมาทัน"








ถึงเวลา “บุญมาทัน”


ดีลการย้ายช็อควงการของเจ้า “อุ้ม” ธีราธร บุญมาทัน ที่ข้ามฟากไปยังทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด นั้นอาจทำลายความรู้สึกของแฟนปราสาทสายสายฟ้าไม่ใช่น้อย แต่ถ้ามองว่ามันคือวิถีของ “ฟุตบอลอาชีพ” ก็คงพอจะทำใจยอมรับได้ ที่สำคัญเหตุการณ์แบบนี้จะอยู่ควบคู่กับฟุตบอลไปตลอด

หากแต่จะกล่าวถึงกรณีของธีราธร ก็ชวนให้น่าแปลกใจไม่น้อยว่าเพราะเหตุใดผู้เล่นที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์และกัปตันของทีม ถึงได้ตัดสินใจเก็บกระเป๋าย้ายรังไปซบทีมคู่แข่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ต่อให้ใครเอา 100 ล้านมากองหน้าสนาม ก็อย่าหวังจะได้กระชากตัวแบ็คซ้ายรายนี้ไปจากถิ่นเซาะกราว

ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นพร้อมกับผลงานทีมที่ต่ำลง แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับ “ทีมสปิริต” ของบุรีรัมย์ก็เริ่มมีปัญหา อย่างที่ผมเคยบอกไว้ครับว่าปัญหาของบุรีรัมย์นั้นไม่ใช่อยู่ที่ความสามารถของผู้เล่น หากแต่อยู่ที่วิธีการมากกว่า เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมานั้นทีมพึ่งพาความสามารถของผู้เล่นเป็นหลัก เมื่อศูนย์หน้าตัวความหวังอย่าง Diago เจ็บยาวก็ไม่มีใครที่จะสามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้เทียบเท่า  

จนหลังๆเราเห็นภาพที่พยามกระตุ้นให้ผู้เล่นบุรีรัมย์สู้กันจนชินตา ความเป็นจริงแล้วไม่มีนักฟุตบอลคนไหนไม่สู้หรอกครับ ทุกคนลงไปเล่นเต็มที่ทั้งนั้นแหละครับ แต่ประเด็นคือจะให้เค้าสู้แบบไหน ทำอย่างไร เพราะอะไรถึงให้ทำแบบนั้น นี่ต่างหากที่ผู้เล่นอยากได้ยิน ลำพังรายการลีกในประเทศอาศัยความสามารถเฉพาะตัวก็อาจเป็นแชมป์ได้ครับ แต่เมื่อออกไประดับเอเชียที่วัดกันด้วย กึ๋น และแทคติค  ทีมกลับไม่ประสบความสำเร็จ ก็เลยส่งผลถึงผลงานในลีกไปด้วยอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เมื่อผลงานไม่ดีทั้งที่ทุกคนทำเต็มที่ แรงกดดันก็ย่อมตกอยู่กับตัวหลักของทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งเป็นกัปตันทีมด้วยยิ่งต้องแบกรับมากกว่าใครเพื่อนเป็นเท่าทวีคูณ ส่วนตัวคิดว่านี่อาจเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญ บวกกับปัญหาภายในที่เราได้ยินข่าวมาเป็นระยะจนนำมาซึ่งการขึ้นป้าย SALE ในที่สุด

กระนั้นก็ตามค่าตัวในการย้ายครั้งนี้ไม่น่าจะสูงอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะคนขายอยากขาย แต่คนซื้ออาจไม่ได้ต้องการอยากซื้อมาก่อน ถึงอย่างไรก็คงมีไม่กี่ทีมที่จะสามารถแบกรับค่าเหนื่อยผู้เล่นระดับนี้ได้ และหนึ่งในนั้นก็คือเมืองทองฯ ซึ่งก็น่าจะเป็นดีลคุ้มค่ามากเพราะเจ้าตัวเพิ่งอายุ 26 ปี อายุการใช้งานเหลืออีกนาน งานนี้หวยก็เลยไปออกที่ “เจ้าบาส” พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา เจ้าของสัมปทานแบ็คซ้ายคนปัจจุบันที่เจ้าตัวเคยเสียตำแหน่งให้กับอดีตกัปตันบุรีรัมย์ไปแล้วในทีมชาติ เราคงได้เห็นการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกันอย่างดุเดือด เพราะฟอร์มของเจ้าบาสเองก็คงเส้นคงว่าและดีวันดีคืน ลำบากใจแทน “โค้ชแบน” เลยครับ

สุดท้ายเหตุการณ์ของเจ้าอุ้มเป็นแค่เพียงกรณีศึกษาตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ของปัญหาความเข้าใจในการทำทีมฟุตบอล ซึ่งต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ เพราะฟุตบอลไม่ใช่แค่การเอาแค่คนเก่งๆมาอยู่ในทีมแล้วจะประสบความสำเร็จเสมอไป แต่การเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ต่างหากที่จะทำให้ทีมผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆไปได้......

ขอบคุณภาพจาก Spersub Thailand






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น