วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559

เทคโนโลยี ไม่ได้มีไว้แค่เท่..!!









ในยุคสมัยแห่ง Big Data ที่ข้อมูลและสถิติเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งในโลกของฟุตบอล สถิติและ Data ต่างๆได้ถูกนวัตกรรมทางเทคโนโลยีชำแหละเอาข้อมูลที่เกิดขึ้นทุกฝีก้าวในสนาม ออกมาให้เราได้เห็นในสิ่งที่ตาเปล่านั้นไม่เคยมองเห็นมาก่อน กระนั้นก็ตามข้อมูลเหล่านั้นจะมีประโยชน์อะไร หากผู้ที่ได้ข้อมูลไปแล้วไม่สามารถทำการวิเคราะห์ต่อและนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทีมได้

เรามักได้เห็นการนำเสนอข้อมูลสถิติผ่านทางสื่อต่างๆอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมสำคัญๆ และนับวันก็มีข้อมูลที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีสามารถบอกได้ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ได้อย่างแม่นยำและน่าทึ่งมากครับ แต่ในส่วนของโค้ชหรือผู้จัดการทีมนั้น จะต้องมีมุมมองของนักวิเคราะห์ที่สามารถแปลความหมายข้อมูลเหล่านั้นให้ออก เพื่อนำไปสู่การแก้ไขและพัฒนาข้อบกพร่องของทีม รวมถึงวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของคู่ต่อสู้ได้ ซึ่งมันจะนำไปสู่การวางแผนและรูปเกมในเวลาที่ต้องเจอกัน

ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อข้อมูลบอกว่า ผู้เล่นคนหนึ่งในตำแหน่งกองหน้านั้นมีเส้นทางการวิ่งที่ไกลมากมี Heat Map อยู่ในแดนตัวเองสูง และหลายครั้งก็ลงมาถึงมุมธงและหน้าปากประตูของฝั่งตนเอง โค้ชจะวิเคราะห์ข้อมูลนี้อย่างไร โค้ชบางคนอาจยกย่องว่าผู้เล่นกองหน้าคนนั้นว่ามีความขยันและรับผิดชอบมาก ลงมาช่วยไล่บอลถึงหน้ากรอบประตูฝั่งตนเอง แม้กระทั่งผู้บรรยายเกมก็ชมผู้เล่นคนนี้ว่ามีความมุ่งมั่นกับเกมสูง ซึ่งเรามักได้ยินกันบ่อยๆจนเกิดความเชื่อว่าถูกต้อง แต่ในขณะที่โค้ชอีกคนนั้นกลับตำหนิผู้เล่นคนดังกล่าวว่า ทำสิ่งที่ไม่ใช่หน้าที่ของตัวเองหากทีมตัดบอลได้ แล้วไม่มีข้างหน้าอยู่ใครจะเป็นคนทำประตู และทำให้ระยะในการทำเกมรุกนั้นไกลเกินไป..!! ส่งผลทำให้ทีมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำเกมรุกได้ลำบาก

หรือกระทั่งข้อมูลสดๆร้อนๆในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีกระหว่าง บาเซโลน่า กับ แอตแลนติโก มาดริด สถิติบ่งบอกว่าบาเซโลน่านั้นต่อบอลกันสำเร็จถึง 623 ครั้งจากความพยายาม 701 ครั้งในขณะที่ แอตแลนติโก มาดริด ของเซมิโอเน่ ต่อบอลได้ 156 ครั้งจากความพยายาม 231 ครั้ง โอเคแอตฯมาดริดอาจจะมีผู้เล่นที่น้อยกว่าก็จริงแต่อย่างไรก็ตามก็ไม่ควรปล่อยให้ผู้เล่นของบาเซโลน่าต่อบอลกันได้ถึงขนาดนั้น และผลการแข่งขันก็ออกมาตามที่คุณๆได้ทราบกันไปแล้ว แต่ทว่าหากเราวิเคราะห์ข้อมูลของระยะในการการต่อบอลของทีมเจ้าบุญทุ่มแล้วล่ะก็ จะเห็นว่าโดยมากแล้วเป็นการต่อบอลในระยะสั้น แน่นอนล่ะว่าเป็นการออกบอลให้ที่ตัว การรับมือกับวิธีการเล่นแบบนี้จะต้องทำอย่างไร ต้องมาร์คชิดใช่หรือไม่ เพราะหากปล่อยให้เคาะไปเรื่อยๆแบบนั้นก็คงหาจังหวะเข้าทำได้แน่ๆ

หรืออีกข้อมูลที่น่าสนใจคือ บอลที่ไปถึง เมสซี่ นั้นมาจาก อัลเวสและอิเนสต้า มากที่สุด เพราะฉะนั้นหากแอตฯมาดริดจะลดประสิทธิภาพของ เมสซี่ ลงควรต้องทำอย่างไร แต่การที่ผู้เล่นทั้งทีมลงไปกองหน้าปากประตูนั้น คงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้องและใช้พละกำลังที่เยอะกว่าอีกด้วย

ถึงตรงนี้จึงอยากชี้ให้เห็นครับว่าแม้เทคโนโลยีจะนำมาซึ่งข้อมูลที่หลากหลายและละเอียดถี่ยิบสักเพียงใดก็ตาม แต่การนำเอาข้อมูลไปวิเคราะห์ต่างหากเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า ย้อนกลับมามองในบ้านเรา น่าจะเริ่มเก็บข้อมูลเหล่านี้กันได้แล้วนะครับ โค้ชและทีมงานเองจะได้ฝึกการ คิดเคราะห์แยกแยะข้อมูล ก็ไหนเราบอกว่าเราจะไปบอลโลก ถามเกมนึงผู้เล่นทั้งทีมเราวิ่งไประยะทางเท่าไร ใช้พลังงานไปเท่าไร เรารู้รึยังครับ?


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น