โดยปกติทีมที่เป็นแชมป์มักจะมีสถิติที่ดี
ในปีนี้ Leicester City ได้แชมป์โดยที่ถ้าดูจำนวนประตูที่ยิงได้
หรือจำนวนประตูที่เสียไป ก็ไม่ได้พิเศษอะไร ไม่ได้ยิงประตูเยอะๆ เหมือนตอนที่ Man
City ได้แชมป์ หรือเสียประตูน้อยสุดในลีกอย่างเวลาที่ Chelsea
ได้แชมป์
แต่มันไม่ใช่แค่การยิง
หรือเสียประตู สถิติต่างๆ ของ Leicester
City ดูไม่ดีเท่าไร ถ้ามองจากมุมมองของนักวิเคราะห์บอลสมัยใหม่ นับตั้งแต่ประมาณกลางๆ ทศวรรษ 2000 การครอบครองบอลเป็นที่นิยมมากขึ้น ต่างจากการทีม Arsenal หรือ Man Utd ในยุคก่อนนั้นที่ชอบเล่นบอลเร็ว เพื่อรีบสร้างเกมรุก
การครอบครองบอลกลายมาเป็นวิถีหลักในการควบคุมเกม และสร้างเกมรุก
เริ่มจาก
Barcelona ในยุคของ Ronaldinho
มาพีคสุดๆ ในช่วงที่ Barcelona และทีมชาติสเปนครองโลกด้วยการนำของ
Xavi Hernandez และ Andres Iniesta นับตั้งแต่วันนั้นหลายคนหันมาเชื่อว่าการ
“ครอบครองบอล” คือวิถีที่ดีที่สุดในการเล่นเกมรับ เพราะถ้าเรามีบอล
เขาก็ยิงเราไม่ได้ และการสร้างเกมรุกที่ไม่เร่งรีบ ทำกันเน้นๆ
จะสร้างโอกาสทำประตูที่มีคุณภาพมากกว่า เราถึงได้เห็นทีมอย่าง Arsenal หันมาเล่นบอลในรูปแบบนี้เช่นกัน
ที่สำคัญคือบริการเก็บสถิตินั้นถูกกระทบโดยความเชื่อของผู้คนในวงการเช่นกัน
Squawka หนึ่งในบริการจัดเก็บสถิติชั้นนำของโลก
เริ่มให้คะแนนผู้เล่นและทีมที่สามารถครอบครองบอลค่อนข้างสูง เพราะผู้เล่นที่ครอบครองบอลไว้ได้ดีถือว่าไม่สิ้นเปลื้อง
ส่วนผู้เล่นที่เสียบอลบ่อยๆ ถูกตัดคะแนน โดยไม่สนว่าการเสียบอลแต่ละครั้งเป็นเพราะอะไร
ถ้าเราดู
10 อันดับของผู้เล่นใน
Premier League ตามคะแนนของ Squawka เราจะไม่เห็นผู้เล่นของ
Leicester เลยแม้แต่คนเดียว ผู้เล่นจากทีม Arsenal และ Spurs อันดับสองและสาม มีอยู่ถึง 7 ใน 10 ของ Top 10
ถ้าดูคะแนนของทีม Leicester ยิ่งดูแย่เข้าไปใหญ่ เพราะคะแนนรวมอยู่ที่อันดับ 9 และคะแนนการครอบครองบอลอยู่ที่อันดับ 19 ร่วมกับทีมหนีตกชั้น!!! ในขณะที่ทีม Arsenal อยู่อันดับ 1 เพราะคะแนนการครองบอลสูงกว่าทีมอื่นมาก เพื่อให้เห็นความแตกต่าง ความแม่นยำในการจ่ายบอลของผู้เล่น Arsenal เฉลี่ยอยู่ที่ 85% ผู้เล่นที่จ่ายบอลแม่นที่สุดใน Leicester คือ N’Golo Kante ที่ 82% เท่านั้น
จึงน่าถามว่าทำไมทีมที่คะแนนตามสถิติ
ทั้งในระดับผู้เล่น และในระดับทีมโดยรวมแย่ขนาดนี้ ถึงได้แชมป์ลีก? ก่อนอื่นคุณว่ามันน่าสนใจไหมที่
“การครองบอล” ถูกแยกออกมาเป็น 1
ใน 3 หมวดหมู่ใหญ่ในการวัดระดับทีม คู่กับ “เกมรุก” และ “เกมรับ” อย่างที่บอกไว้
การครอบครองบอลเป็นสิ่งที่ผู้คนในวงการตีราคาไว้สูงมากในยุคนี้
แต่ถ้าเราดูวิถีการเล่นของ
Leicester จริงๆ
มันไม่ใช่ว่าพวกเขาจ่ายบอลแย่รองท้าย พวกเขาแค่เป็นทีมที่เล่นบอล “เสี่ยงสูง”
คือวิถีทำเกมรุกต่างจากทีมใหญ่ทั่วไป คือไม่เน้นการครองบอลเป็นหลัก แต่เน้นการ “สร้างโอกาส”
ด้วยการเล่นบอลทะลุทะลวง การเล่นบอลประเภทนี้อาจมีโอกาสความสำเร็จต่ำ แต่ถ้าสำเร็จ
จะนำไปสู่โอกาสในการทำประตูที่สูงตามด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างที่ดีมากคือนัดที่
Leicester ชนะ Swansea
4-0 เมื่อวันที่ 24 เมษายน Swansea ในเกมนั้นครองบอลถึง 62% แต่มีโอกาสทำประตูแค่ 9
ครั้ง ต่อ Leicester 18 ครั้ง
เราแทบไม่เคยเห็นเลยทีมอันดับ 1 ครองบอลแค่ 38% เมื่อเจอทีมที่ไม่ได้ลุ้นแชมป์กันเอง ในเกมนั้นไม่มี Jamie Vardy ด้วย Mahrez จึงต้องรับบทพระเอก ถ้าดูการจ่ายบอลของ Mahrez
ในเกมนั้นจะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนมาก
จะเห็นได้ชัดว่าการจ่ายบอลไปข้างหน้าของ
Mahrez นั้นเป็นการเน้นแทงบอลทะลุ
มีการจ่ายบอลระยะยาวเข้าไปในกรอบเขตโทษหลายครั้ง
นี่คือเหตุผลที่ทำให้
Leicester จากมุมมองสถิติในยุคนี้ดูเป็นทีมที่เล่นไม่ดี
สถิติแย่ แต่นั้นเป็นเพราะ Leicester เป็นทีมเดียวที่ได้แชมป์ในลีกใหญ่
ในปีนี้ ที่เล่นบอลไม่เน้นการครองบอล
ต้องยอมรับว่าจนกว่าทีมใหญ่ๆ
อย่าง Arsenal Real Madrid และ
Bayern Munich หันมาเล่นบอลในรูปแบบนี้
การครองบอลจะยังคงเป็นสถิติที่ผู้คนให้ราคาต่อไป แต่ Leicester เป็นเครื่องช่วยเตือนความจำที่ดีว่าการครองบอลไม่ควรใช่เป้าหมายภายในตัวของมันเอง
เพราะสุดท้ายแล้วทุกทีมต้องการบอลเพื่อยิงประตู ไม่ใช่เพื่อเก็บสถิติให้ได้ 60-70%